
นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในการสร้างตัวอ่อนระยะเริ่มต้นของมนุษย์ขึ้นมาจากการดัดแปลงดีเอ็นเอที่ได้จากเซลล์ผิวหนังของมนุษย์และทำให้มันปฏิสนธิกับอสุจิ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ไม่หยุดที่จะค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อการสืบพันธุ์ของมนุษย์ ท่ามกลางปัญหาภาวะมีบุตรยากเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างของประชากรโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ
ล่าสุด ความหวังของการมีลูกง่ายขึ้น พัฒนาไปอีกขึ้น เมื่อนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ ออกมาประกาศว่า ได้สร้าง เอ็มบริโอ หรือ ตัวอ่อนมนุษย์ สำเร็จ เป็นครั้งแรก โดยใช้ DNA ที่นำมาจาก เซลล์ผิวหนังของมนุษย์ แล้วนำไปผสมกับสเปิร์ม
เทคนิคใหม่นี้อาจช่วยแก้ปัญหาการมีบุตรยากที่เกิดจากอายุที่มากขึ้นหรือจากโรคต่าง ๆ ได้ เพราะสามารถใช้เซลล์เกือบทุกชนิดในร่างกายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตได้เลย ที่สำคัญ ยังอาจทำให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถมีลูกที่มีพันธุกรรมเชื่อมโยงกับทั้งสองฝ่ายได้ด้วย
ในการศึกษาวิจัยใหม่ซึ่งนำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพและโอเรกอน (สหรัฐอเมริกา) พบว่านิวเคลียสของเซลล์ผิวหนังถูกฝังเข้าไปในไข่ที่บริจาคซึ่งมีการนำนิวเคลียสเดิมออกแล้ว
จากนั้นทีมงานได้กระตุ้นเซลล์ไข่ให้เข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า "ไมโตไมโอซิส"
แม้ว่าจะคล้ายกับไมโทซิส ซึ่งเป็นกระบวนการแบ่งเซลล์ตามธรรมชาติเพื่อสร้างสำเนาที่เหมือนกันสองชุดของเซลล์แม่ (โครโมโซม 46 ตัว) แต่ "ไมโทไมโอซิส" ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ โดยส่งผลให้โครโมโซมชุดหนึ่งหายไป ทำให้เซลล์ลูกที่เกิดขึ้นมีโครโมโซมเพียง 23 ตัวเท่านั้น
โดยรวมแล้ว ทีมงานได้สร้างไข่ที่สามารถทำงานได้ 82 ฟองจากกระบวนการนี้ จากนั้นจึงนำไปผสมกับอสุจิในห้องทดลอง ในจำนวนนี้ ประมาณ 9% พัฒนาเป็นบลาสโตซิสต์ ซึ่งเป็นระยะเริ่มต้นของการพัฒนาตัวอ่อน หลังจากผ่านไปหกวัน
การเพาะเลี้ยงจะไม่ดำเนินต่อไปหลังจากจุดนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ย้ายระยะบลาสโตซิสต์เข้าไปในมดลูกระหว่างการทำ IVF แบบดั้งเดิม
ศาสตราจารย์ Roger Sturmey ผู้ทำงานที่มหาวิทยาลัย Hull (สหราชอาณาจักร) และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยนี้ กล่าวว่า การวิจัยนี้มีความสำคัญเนื่องจากเปิดโอกาสให้สร้างเซลล์ไข่ที่มีฟังก์ชันการทำงานใหม่ซึ่งประกอบด้วยสารพันธุกรรม ซึ่งโดยหลักการแล้วสามารถนำมาจากเซลล์ทุกส่วนในร่างกายได้
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์สเตอร์มีย์และผู้เขียนเองชี้ให้เห็นว่าอัตราความสำเร็จของวิธีนี้ค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้พิสูจน์ให้เห็นว่าการถ่ายโอนนิวเคลียสของเซลล์โซมาติกไม่ใช่เพียงความเป็นไปได้ทางทฤษฎี
ทีมวิจัยกล่าวว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อปรับวิธีการนี้ให้เหมาะสมที่สุด หากจะนำไปใช้ในทางคลินิก นอกจากนี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีลูกที่มียีนของตัวเองได้มากขึ้น
รายงานการศึกษาฉบับนี้ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ คอมมูนิเคชันส์ (Nature Communications) แสดงให้เห็นการสร้างไข่ที่มีศักยภาพในการผลิตตัวอ่อน 82 ใบ ซึ่งทั้งหมดถูกผสมด้วยอสุจิแล้ว และไข่บางใบก็พัฒนาไปถึงระยะแรกของการพัฒนาตัวอ่อน ทว่ายังไม่มีไข่ใบใดที่พัฒนามาเกินกว่าระยะเวลา 6 วัน
อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะไข่ยังคงสุ่มทิ้งโครโมโซม ทำให้บางครั้งได้โครโมโซมซ้ำ หรือขาดไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดปกติทางพันธุกรรมได้ นอกจากนี้ อัตราความสำเร็จก็ยังต่ำ เพียงราว 9% และโครโมโซมยังไม่ผ่านขั้นตอน crossing over ที่ช่วยจัดเรียงยีนเพื่อป้องกันโรค
บทความที่น่าสนใจ
- จริงหรือ? ไวรัสโคโรนาเคยระบาดในเอเชีย เมื่อ 20,000 ปีก่อน
- พายุโพดุล จัดหนักถล่ม 39 จังหวัดทั่วไทย เสี่ยงท่วมฉับพลัน!!
- นักวิทย์ฯ ค้นพบใหม่ เป็นไปได้ว่าบนดาวศุกร์“อาจมีสิ่งมีชีวิต”
- โนอึล อ่วมหนัก! ประกาศเตือนภัย พายุระดับ 3 ฉบับที่ 10
- เปิดภาพเรดาร์อุตุฯ เช็กด่วนมรสุมเข้าไทย ! จังหวัดที่ต้องเตรียมการเฝ้าระวังฝนตกหนัก
- งานวิจัยเผย“แก่นโลกชั้นในหยุดหมุน-เปลี่ยนทิศ” น่ากังวลแค่ไหน?
- ศาลปากีฯ สั่งประหารชีวิต “อาจารย์มหาวิทยาลัย” โพสต์หมิ่นนบีมูฮำหมัด
- นายกฯปัด! ไม่ทราบข้อมูล สันติบาลขอประวัตินศ.มุสลิม
- กรมควบคุมโรค ร่วมภาคีเครือข่าย จัดอบรมมุ่งพัฒนากำลังคนด้านระบาดวิทยา
- ออกหมายจับ”บอส อยู่วิทยา” 3 ข้อหาหนัก อายุความ 15 ปี