ท่ามกลางการตอบโต้รุนแรงระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่ปะทุหนักสุดในรอบ 7 ปี เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมากองกำลังอิสราเอล หรือ IDF ส่งเครื่องบินขับไล่ถล่มโจมตีเป้าหมายใจกลางฉนวนกาซา
อิสราเอลถล่ม ฉนวนกาซา ตายสะสม 130 กว่าศพ
ท่ามกลางการตอบโต้รุนแรงระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่ปะทุหนักสุดในรอบ 7 ปี เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมากองกำลังอิสราเอล หรือ IDF ส่งเครื่องบินขับไล่ถล่มโจมตีเป้าหมายใจกลางฉนวนกาซา หนึ่งในนั้นคือ สำนักงานปฏิบัติการกลุ่มฮามาส ซึ่งตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ใจกลางฉนวนกาซา ขณะที่การโจมตีแบบข้ามคืนที่ผ่านมา มีเป้าหมายในการยิงถล่มเขตที่กองกำลังอิสราเอลเรียกว่าเป็นฐานยิงจรวดใต้ดินของกลุ่มฮามาส
มีรายงานว่าบ้านหนึ่งหลังถูกถล่มยับ จนเป็นเหตุให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตรวม 12 ราย ขณะที่ Reuters รายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในกาซาที่ระบุว่า หญิงคนหนึ่งพร้อมลูกทั้ง 3 คนของเธอเป็นเหยื่อถูกสังหารในการโจมตีครั้งนี้ หลังที่พักของเธอในค่ายผู้ลี้ภัยอัลชาตีถูกยิงถล่ม
กลุ่มฮามาส (Hamas) ซึ่งเคลื่อนไหวปกป้องต่อสู้และเรียกร้องสิทธิการปกครองตนเองของชาวปาเลสไตน์มาโดยตลอดยืนยันว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 132 ราย แต่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการโจมตีที่ไม่จบสิ้น และขณะนี้กำลังเร่งค้นหาร่างผู้เสียชีวิตภายใต้ซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือนที่ถูกกองทัพอิสราเอลโจมตี
The Guardian ระบุ Said Alghoul หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ชี้ว่า เครื่องบินรบของอิสราเอลทิ้งระเบิดอย่างน้อย 3 ลูกลงบนบ้านสามชั้นหลังหนึ่งโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า หลังถูกโจมตีทางอากาศเขาเห็นผู้คนเร่งนำร่างของคน 3 คนออกมาจากซากอาคารเพื่อนำส่งโรงพยาบาล หนึ่งในนั้นคือเด็กเล็ก เขาแทบจะทนไม่ได้ที่ได้เห็นภาพเหล่านั้น
AFP รายงานอ้างอิงคำบอกเล่าของบุคลากรทางการแพทย์ระบุว่า ประเทศอียิปต์ได้เปิดพรมแดนราฟาห์ชั่วคราว เพื่อให้รถพยาบาล 10 คันนำผู้บาดเจ็บสาหัสชาวปาเลสไตน์เข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลของอียิปต์ ขณะที่นักดับเพลิงต่างเร่งดับไฟที่กำลังลุกไหม้ในอาคารที่ถูกโจมตีทางอากาศอย่างชุลมุน
นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 พ.ค.เป็นต้นมา กลุ่มฮามาสได้ยิงจรวจตอบโต้ฝั่งอิสราเอลไปแล้วไม่น้อยกว่า 2,000 ครั้งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างต่ำ 9 รายในอิสราเอล ซึ่งมีเด็กและทหารรวมอยู่ในจำนวนนั้นด้วย และมีรายงานผู้บาดเจ็บราว 560 คน ขณะที่กองทัพอิสราเอลระบุว่ามีโดรนอย่างน้อย 5 ตัวจากฝั่งกาซานำระเบิดเข้ามาในพื้นที่ของอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.
ที่มา: www.sanook.com