ท่ามกลางกระแสต่อต้านของประชาชนที่ว่า สถาบันการศึกษาของรัฐไม่ควรตั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา ครูใหญ่ของโรงเรียนได้ออกมาขอโทษ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: ผู้ปกครองนร.อินโดฯ เรียกร้องลูกสาวไม่ต้องคลุมผมเพราะไม่ได้เป็นมุสลิม
ผู้ปกครองของนักเรียนหญิงที่ไม่ได้เป็นมุสลิมในอินโดนีเซีย ขอปฏิเสธกฎระเบียบของโรงเรียนมัธยมอาชีวะศึกษา ที่ต้องการให้นักเรียนหญิงคลุมฮิญาบกับชุดเครื่องแบบ
เขตจังหวัดสุมาตราตะวันตก ไม่ได้ใช้กฎหมายชาริอะฮ์ดังเช่นในอาเจะก็จริง แต่ในหลายสิบเขตของจังหวัดนี้มีธรรมเนียมของความเคร่งครัดในศาสนา ซึ่งทำให้ประชาชนที่นับถือศาสนาอื่นต้องทนทุกข์กับการไม่เปิดกว้าง บางครั้งถึงกับมีการข่มเหง รังแก ล้อเลียนจากชาวมุสลิม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับนักเรียนหญิงเชื้อสายจีน Jeni Cahyani Hia ที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนมัธยมอาชีวะศึกษาในปาดัง ซึ่งเป็นเมืองหลักของจังหวัดสุมาตราตะวันตก โดยบิดาของเธอได้ส่งจดหมายแจ้งไปยังโรงเรียน ว่า เขาขอปฏิเสธกฎระเบียบของโรงเรียนที่ให้นักเรียนหญิงทุกคนต้องคลุมศีรษะ เพราะลูกสาวของเขาไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามจึงไม่ควรต้องอยู่ภายใต้กฎที่โรงเรียนกำหนด
มารดาของเจนี่ โพสต์ข้อความปฏิเสธอย่างรุนแรงลงในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ปัญหานี้ได้รับความสนใจในระดับชาติ ถึงขนาดที่ผู้บริหารของโรงเรียนทั้งในปาดัง และจาการ์ต้า ต้องออกมาชี้แจงว่าจะจัดการกับปัญหานี้โดยเร็ว
ท่ามกลางกระแสต่อต้านของประชาชนที่ว่า สถาบันการศึกษาของรัฐไม่ควรตั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา ครูใหญ่ของโรงเรียนได้ออกมาขอโทษ และอนุญาตให้นักเรียนแต่งกายโดยไม่ต้องคลุมฮิญาบ
วิกาน ซาการินโต ผู้อำนวยการฝ่ายอาชีวะศึกษา กล่าวในแถลงการณ์ว่า กระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นผู้ออกแบบกฎระเบียบเกี่ยวกับชุดนักเรียน โดยกฎกระทรวงข้อง 45 ที่ออกในปี 2014 ระบุว่า เครื่องแบบของโรงเรียนไม่ควรเป็นไปตามขนบของศาสนาใด โดยไม่ควรให้เครื่องแต่งกายทางศาสนากลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบโรงเรียนของรัฐ แต่ทางโรงเรียนยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกแบบขุดนักเรียนเอง
อย่างไรก็ตาม อดีตนายกเทศมนตรีเฟาซี บาฮัร ซึ่งเป็นผู้ที่นำกฎระเบียบการคลุมฮิญาบมาใช้ ไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ เขากล่าวว่า กฎระเบียบในเรื่องการคลุมฮิญาบกับชุดนักเรียน ใช้มาตั้งแต่ปี 2548 (15 ปี) และในตอนนั้น นักเรียนที่ไม่ใช่มุสลิมก็แต่งกายในแบบเดียวกันโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ
ที่มา: www.asianews.it