รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่ารัฐบาลได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างรอบคอบ และพบว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้กระทำการอันเข้าข่ายก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติกับชาวอุยกูร์
รบ.ทรัมป์ ทิ้งทวนตราหน้าจีน ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อุยกูร์
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่ารัฐบาลได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ อย่างรอบคอบ และพบว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้กระทำการอันเข้าข่ายก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติกับชาวอุยกูร์ และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆ มาตั้งแต่เดือน มี.ค. ปี 2017 เป็นอย่างน้อย
“ผมเชื่อว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยังดำเนินอยู่จนถึงตอนนี้ และเราได้เห็นความพยายามทำลายล้างชาวอุยกูร์อย่างเป็นระบบโดยพรรครัฐบาลจีน” พอมเพโอ ระบุ
นักเคลื่อนไหวระบุว่าจีนได้นำตัวมุสลิมอุยกูร์นับล้านๆ คนไปเข้าค่ายปรับทัศนคติ เพื่อให้คนเหล่านี้ละทิ้งวัฒนธรรมประเพณีของตนเองทำตัวให้กลมกลืนกับวิถีชีวิตชาวฮั่น ขณะที่จีนอ้างว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นเพียง “ศูนย์ฝึกอาชีพ” เพื่อให้ชาวมุสลิมไม่หันไปฝักใฝ่แนวคิดสุดโต่ง
ประกาศของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่สภาคองเกรสได้ผ่านกฎหมายเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันว่าจีนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติหรือไม่
แอนโธนี บลิงเคน ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนใหม่ แจ้งต่อคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างชาติของวุฒิสภาระหว่างการประชุมเพื่อพิจารณารับรองตำแหน่ง (confirmation hearing) วานนี้ (19) ว่า ตน “เห็นด้วย” กับการยื่นข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดนำเข้าสินค้าใดๆ ก็ตามที่พัวพันกับการบังคับใช้แรงงานในซินเจียง
“เราต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่า สหรัฐฯ ไม่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ซึ่งเกิดจากการบังคับใช้แรงงานในซินเจียง และไม่ส่งออกเทคโนโลยีหรือเครื่องมือใดๆ ก็ตามที่อาจจะถูกใช้เพื่อกดขี่คนเหล่านั้น” บลิงเคน ระบุ
ล่าสุด สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ออกมาแถลงตอบโต้สหรัฐฯ ว่า “ข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในซินเจียงเป็นเพียงการโป้ปดมดเท็จ และละครตลกที่มีเจตนาทำลายชื่อเสียงของจีน” พร้อมทั้งย้ำว่าคำประกาศของสหรัฐฯ “ถือเป็นการก้าวก่ายกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง”
ทั้งนี้ ประกาศของสหรัฐฯ ไม่ได้นำมาสู่บทลงโทษโดยอัตโนมัติ แต่อาจทำให้หลายประเทศต้องพิจารณาทบทวนว่าจะอนุญาตให้บริษัทของตนทำธุรกิจในซินเจียงต่อไปหรือไม่
ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ตกต่ำถึงขีดสุดในยุคสมัยของทรัมป์ และการยื่นข้อครหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อจีน ก็คาดว่าจะยิ่งทำให้ ไบเดน ริเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์กับปักกิ่งได้ยากขึ้นไปอีก
ที่มา: mgronline.com