บรรดาญาติและชาวบ้าน รวมตัวกันเดินถือป้ายประท้วง ที่หน้าสภร่อนพิบูลย์ ทวงความยุติธรรมให้ บังบัส หลังถูกตำรวจวิสามัญฯ น้องสาวยันทำเกินกว่าเหตุ
ชูป้ายประท้วง ทวงความเป็นธรรมให้ บังบัส ถูกวิสามัญฯ
จากกรณีตำรวจวิสามัญฆาตกรรมนายเจริญศักดิ์ รัชพูมาด หรือบังบัส อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.9 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญเสียชีวิตในสวนยางพารา ม.3 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ เมื่อคืนวันที่ 1 พ.ย. 63 โดยญาติระบุว่าทำเกินกว่าเหตุ เพราะผู้ตายถือเพียงมีดพร้าเล็ก ๆ เพียง 1 เล่ม สามารถจับกุมตัวได้โดยไม่จำเป็นติงวิสามัญฯ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2563 ที่สภ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช บรรดาญาติของนายเจริญศักดิ์ หรือบังบัส ได้รวมตัวเดินถือป้ายเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับบังบัส โดยมีข้อความเช่น "ฆาตกรเลือดเย็น" "ร้องขอชีวิตไม่คิดสู้" "หยุดฆาตกรในเครื่องแบบ" เป็นต้น โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญกลุ่มครอบครัวญาติและเพื่อนบ้านของนายเจริญศักดิ์ เข้าไปร่วมพูดคุยรับฟังข้อสงสัยภายในห้องประชุมสภ.ร่อนพิบูลย์
น.ส.เมนี่ รัชพูมาด อายุ 26 ปี น้องสาวของบังบัส เปิดเผยว่า การมาครั้งนี้เพื่อขอความเป็นธรรมให้พี่ชาย ตนยอมรับว่าผู้ตายเป็นคนไม่ดีพัวพันยาเสพติด แต่พี่ชายยกมือยอมให้จับกุมโดยไม่ได้ขัดขืนและไม่มีอาวุธมีเพียงมีดพร้าเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ได้ต่อสู้แต่ตำรวจยังยิงจนตาย เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ทำไมไม่จับเป็น
"ตำรวจจงใจที่จะถ่วงเวลาให้เสียชีวิต ขัดขวางความพยายามในการเข้าช่วยเหลือนายเจริญศักดิ์ ขณะที่ยังนอนบาดเจ็บก่อนที่จะสิ้นใจ รวมทั้งมีการเหยียบศีรษะผู้ตายโดยตั้งใจ ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้โดยง่ายแต่กลับไม่ทำ เหตุการณ์ทั้งหมดมีประจักษ์พยานยืนยันพร้อมที่จะให้การกับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ญาติและครอบครัวของผู้ตายรู้ดีว่านายเจริญศักดิ์มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นคนไม่ดี แต่ไม่ควรที่จะมีการฆ่ากันเช่นนี้" น.ส.เมนี่ กล่าว
พ.ต.อ.สุขเกษม นครวิลัย รองผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งสำนวนในคดีนี้ 4 สำนวนด้วยกันคือ 1)สำนวนไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ 2)สำนวนการวิสามัญฆาตกรรม 3)สำนวนที่ตำรวจต้องหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนาซึ่งมีบิดาของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ร้องทุกข์ และ 4)สำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทั้งหมดมีความชัดเจนพร้อมที่จะตอบข้อสงสัยของฝ่ายผู้เสียชีวิตได้ทั้งหมด
พ.ต.อ.สุขเกษม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามกรณีที่ญาติของผู้ตายได้ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่เกินกว่าเหตุนั้น สามารถนำพยานหลักฐานที่มีทั้งหมดมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อนำเข้าบรรจุในสำนวนได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วความกระจ่างในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานจะจบที่ชั้นศาลเป็นที่สุด แต่ในส่วนขั้นตอนของพนักงานสอบสวนยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรง และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ที่มา: www.khaosod.co.th