หลานสาวอดีตผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ เปิดใจผ่านสื่อเป็นครั้งแรกว่า เป็นเอฟซีของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เชียร์ให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย
สุดอึ้ง! หลานสาวบิน ลาดิน ประกาศเป็น ‘FC ทรัมป์’ หนุนนั่งปธน.สหรัฐฯอีกสมัย
หลานสาวอดีตผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ เปิดใจผ่านสื่อเป็นครั้งแรกว่า เป็นเอฟซีของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เชียร์ให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย ยกเป็นผู้นำสุดเจ๋งเพียงคนเดียวที่จะปกป้องอเมริกาจากภัยก่อการร้าย
นูร์ บินลาดิน วัย 33 ปี บอกกับนิวยอร์กโพสต์ ว่า ผู้นำแบบทรัมป์ นี่แหละที่จะป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ ต้องเผชิญโศกนาฏกรรมเลวร้ายอย่างเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ปี 2001
“ISIS ขยายอิทธิพลได้อย่างกว้างขวางในยุคของ (บารัค) โอบามา และ (โจ) ไบเดน ซึ่งเป็นสาเหตุให้นักรบหัวรุนแรงหลั่งไหลเข้าสู่ยุโรป แต่ ทรัมป์ แสดงให้เห็นว่า เขาต้องการปกป้องอเมริกาและพวกเราทุกคนจากภัยคุกคามเหล่านี้ด้วยการกำจัดลัทธิก่อการร้ายที่ต้นตอ ก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสโจมตีเรา” หลานสาวคนสวยของ อุซามะห์ บิน ลาดิน กล่าว
นูร์ เล่าว่า เธอใช้ชีวิตอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ และครอบครัวของเธอใช้ตัวสะกดนามสกุลว่า Bin Ladin เพื่อให้แตกต่างจากอดีตผู้นำอัลกออิดะห์ (Osama Bin Laden)
เธอยอมรับว่า เป็นแฟนคลับประธานาธิบดีทรัมป์มานานแล้ว
“ฉันสนับสนุนประธานาธิบดี ทรัมป์ ตั้งแต่เขาประกาศเมื่อปี 2015 ว่าจะลงชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ฉันคอยติดตามเขาอยู่ห่างๆ และรู้สึกชื่นชมในความมุ่งมั่นของเขา” เธอบอก “เขาจะต้องได้รับเลือกตั้งอีกสมัย มันคือสิ่งสำคัญต่ออนาคต ไม่ใช่สำหรับอเมริกาเท่านั้น แต่รวมถึงอารยธรรมตะวันตกทั้งมวล”
“พวกคุณดูการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในยุโรปตลอด 19 ปีที่ผ่านมาสิ พวกเขาทำให้เราต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน (ลัทธิอิสลามสุดโต่ง) ได้แทรกซึมเข้ามาในสังคมของเรา... และในสหรัฐฯ มันน่ากังวลมากที่พวกฝ่ายซ้ายหันไปเข้าข้างกลุ่มคนที่แชร์ค่านิยมเหล่านั้น”
นูร์ ได้โพสต์ภาพตัวเธอเองสวมเสื้อที่มีสโลแกนเชียร์ ทรัมป์ ลงในทวิตเตอร์ พร้อมทั้งติดแฮชแท็กของกลุ่ม QAnon ซึ่งเป็นขบวนการเคลื่อนไหวขวาจัดที่สนับสนุน ทรัมป์ ด้วย นอกจากนี้ เธอยังแชร์โฆษณาชวนเชื่อของทรัมป์ และโจมตีขบวนการ Black Lives Matter ซึ่งต่อสู้เพื่อความยุติธรรมสำหรับคนผิวสี
นูร์ บินลาดิน เป็นบุตรสาวของ เยสลาม (Yeslam) พี่ชายต่างมารดาของ อุซามะห์ บินลาดิน กับ คาร์เมน ดูฟูร์ นักเขียนหญิงชาวสวิส ซึ่งตีพิมพ์หนังสือบันทึกความทรงจำของตัวเธอเองเมื่อครั้งเป็นสะใภ้ตระกูลบินลาดินเมื่อปี 2004
พ่อแม่ของ นูร์ แยกทางกันในปี 1988 และเธอแทบจะไม่ได้ติดต่อกับบิดาและครอบครัวฝ่ายพ่อ ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ในซาอุดีอาระเบีย
นูร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การที่ได้เติบโตในโลกตะวันตก ทำให้เธอซึมซับและศรัทธาในค่านิยมเสรีของชาวตะวันตกอย่างเต็มที่
“หากฉันโตในซาอุดีอาระเบีย ชีวิตฉันก็คงจะแตกต่างจากที่เป็นอยู่ ฉันโตมาด้วยความรู้สึกเชื่อมั่นในเสรีภาพและสิทธิขั้นพื้นฐานของแต่ละบุคคล”
ที่มา: mgronline.com