ถึงแม้รัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีคำสั่งห้ามนำเรือเทียบท่าเพื่อป้องกัน COVID-19 แต่ผู้อาศัยในอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย
อาเจะห์ช่วยผู้ลี้ภัยโรฮิงญา แม้จำต้องฝ่าฝืน COVID-19
ถึงแม้รัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีคำสั่งห้ามนำเรือเทียบท่าเพื่อป้องกัน COVID-19 แต่ผู้อาศัยในอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ก็แสดงความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยการฝ่าฝืนคำสั่งรัฐบาล ช่วยเหลือให้ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาทางเรือให้สามารถเข้าประเทศได้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนในจังหวัดอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย พากันฝ่าน้ำทะเลริมชายหาดลันคกเพื่อไปช่วยลำเลียงผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่ติดอยู่บนเรือเพื่อไปยังที่ปลอดภัย มีเด็กผู้ลี้ภัยบางส่วนที่อ่อนแรงจนต้องอุ้มส่งต่อกันเป็นทอดๆ
สื่อเดอะการ์เดียนรายงานถึงภาพเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่าผู้ลี้ภัยที่ได้รับการช่วยเหลือจากประชาชนทั่วไปมีคนหนึ่งคุกเข่าเอาหน้าหมอบกับพื้นทรายขอบคุณที่มีชีวิตรอด มีผู้ลี้ภัยบางคนที่สวมกอดประชาชนทีมกู้ภัยเอาไว้แน่น
คนในท้องถิ่นของอาเจะห์บอกว่าพวกเขารู้สึกมีแรงผลักดันให้ต้องช่วยเหลือผู้ลี้ภัย หลังจากที่ก่อนหน้านี้หนึ่งวันมีชาวประมงมองเห็นเรือเก่าๆ สภาพโคลงเคลงลอยอยู่กลางทะเล เรือลำนี้มีชาวโรฮิงญา 94 คน ในนี้มีเด็กอยู่ถึงหลายสิบคน
ชาวบ้านในพื้นที่เรียกร้องให้ทางการทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ แต่ทางการกลับบอกพวกเขาว่าไม่ควรจะนำเรือของผู้ลี้ภัยโรฮิงญาเข้าเทียบท่าโดยอ้างว่าเพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่กระจายโคโรนาไวรัสที่ทำให้เกิดโรค COVID-19 แต่ประชาชนในพื้นที่ก็เป็นห่วงชีวิตของเพื่อนมนุษย์ที่กำลังประสบเคราะห์กรรมบนเรือมากกว่าพวกเขาจึงออกไปช่วยผู้ลี้ภัยเหล่านี้ด้วยตัวเอง โดยแล่นเรือออกไปพาเรือผู้ลี้ภัยเข้าฝั่ง
นาสรุดดิน กูชิก หัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับเหตุการณ์กล่าวว่าพวกเขาไม่กลัวว่าจะมีปัญหากับทางการเพราะพวกเขาเชื่อว่าได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เขาเล่าว่าเมื่อชาวบ้านเห็นผู้ลี้ภัยกำลังร้องไห้แล้วพวกเขาก็อยากจะช่วยให้ได้
มีผู้ลี้ภัยที่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้รวม 94 ราย รวมถึงหนึ่งรายที่เป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ โดยที่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมารัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พากันปฏิเสธไม่ยอมรับเรือของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา โดยอ้างเรื่องความกังวลการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ในกรณีของมาเลเซียนั้นถึงขั้นมีการประกาศว่าอาจจะช่วยซ่อมเรือให้ผู้ลี้ภัยบางส่วนแล้วจากนั้นก็จะส่งเรือพวกเขาเหล่านั้นกลับออกสู่ทะเล
ปฏิบัติการของชาวบ้านในอาเจะห์นี้ทำให้องค์กรแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลชื่นชมว่าถือเป็น "ช่วงเวลาที่ชวนให้มองโลกในแง่ดีและเห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของมนุษย์"
ชาวโรฮิงญาเป็นกลุ่มคนที่พยายามหนีออกจากประเทศพม่าเพราะพวกเขาถูกกดขี่ปราบปรามจากรัฐบาล หรือบางส่วนก็พยายามหนีออกจากสภาพย่ำแย่ในค่ายผู้ลี้ภัยที่บังกลาเทศ มีการลี้ภัยเช่นนี้เกิดขึ้นในทุกปี และขณะเดียวกันพวกเขาก็เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของกลุ่มค้ามนุษย์ที่จ้องหาเหยื่อเป็นกลุ่มคนที่ถูกกระทำอย่างหนักเช่นชาวโรฮิงญา โดยที่ในตอนนี้ยังไม่แน่นอนว่ามีจำนวนชาวโรฮิงญาที่ลอยเคว้งอยู่ในทะเลหลงเหลืออยู่มากเท่าใด มีการประเมินว่าเป็นไปได้ที่จะมีอยู่มากถึงหลายร้อยราย
อุสมาน ฮามิด ผู้อำนวยการบริหารของแอมเนสตีประจำอินโดนีเซียกล่าวว่าควรจะมีมาตรการอย่างเร่งด่วนจากรัฐบาลเพื่อช่วยชีวิตผู้ลี้ภัยทั้ง 94 รายนี้ โดยเสนอให้จัดหาที่พักที่ปลอดภัยให้กับพวกเขา รวมถึงปัจจัยขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพ และไม่ควรส่งตัวพวกเขากลับออกทะเลอีก
สำหรับในอาเจะห์ตอนนี้ ผู้คนในท้องถิ่นพากันหาเสื้อผ้าและอาหารให้กับผู้ลี้ภัย รวมถึงพาพวกเขาไปอยู่อาศัยในอาคารที่เคยใช้เป็นสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาก่อน คนในชุมชนบอกว่าเขาภาคภูมิใจในชุมชนของตัวเองที่ตกลงฝ่าฝืนคำสั่งรัฐบาลไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เช่นนี้ เพราะถ้าหากพวกเขารอคำสั่งของรัฐบาลนานเกินไปก็อาจจะมีคนเสียชีวิตกลางทะเลได้
ที่มา: prachatai.com