หลังจากการปรับลดราคาครั้งล่าสุดของ Tesla โดยลดราคารุ่น Model Y Long Range และ Performance ประมาณ 70,000 บาท
หลังจากการปรับลดราคาครั้งล่าสุดของ Tesla เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยลดราคารุ่น Model Y Long Range และ Performance ประมาณ 70,000 บาท ส่งผลให้หุ้น Tesla ตกลง 3%
การลดราคาครั้งนี้ไม่ได้กระทบแค่แบรนด์เดียว แต่กลับสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างแก่คู่แข่งในอุตสาหกรรมนี้ โดยเฉพาะ BYD ที่หุ้นตกลงไปกว่า 8.7% ทำซีอีโอสูญเงินไปกว่า 53,000 ล้านบาทในวันเดียว
หวัง ชวนฟู (Wang Chuanfu) ซีอีโอของ BYD กล่าวถึงหุ้น BYD ที่เขาถือไว้กว่า 17.6% ซึ่งปัจจุบันตกลงไปกว่า 8.7% ทำให้มูลค่าหายไปเกือบ 1,500 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 53,000 ล้านบาท จากเหตุที่นักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจีน ภายหลัง Tesla เปิดสงครามราคาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามคุณหวังยังถือว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 9 ของจีน จากมูลค่าทรัพย์สินรวม 18,200 ล้านเหรียญ (อ้างอิงจากการจัดอันดับมหาเศรษฐีของ Forbes)
อย่างที่ทราบกันว่าผลของการปรับราคาครั้งนี้ทำให้หุ้น Tesla ตกลง 3% รวมถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนอื่น ๆ เช่น หุ้น Xpeng มูลค่าตกลง 3% หรือ NIO มูลค่าตกลง 3.2% เช่นกัน สาเหตุจากการปรับราคาครั้งล่าสุดของ Tesla Model Y กว่า 70,000 บาท รวมถึงการขยายเงินประกันของ Model 3 ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังด้วย
การปรับลดลงราคาดังกล่าว ทำให้นักลงทุนรู้สึกหวาดกลัว รวมถึงแรงกดดันจากวิกฤตอสังหาที่ทวีความรุนแรงในจีน ไปจนถึงความกังวลเรื่องสงครามราคาของรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างแข่งขันกันอย่างหนักหน่วงนั่นเอง