อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในรัฐยะไข่พุ่งกระฉูดเกือบ 200 เปอร์เซนต์ในช่วง 2 สัปดาห์
สื่อท้องถิ่นในเมียนมา รายงานว่า อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในรัฐยะไข่พุ่งกระฉูดเกือบ 200 เปอร์เซนต์ในช่วง 2 สัปดาห์ ล่าสุดจากการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 17 คนเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมาแต่ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 495 คนในวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นอัตราเพิ่มเกือบ 200 เปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกันพบเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานหลายหน่วยในสังกัดของสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น และเจ้าหน้าที่ขององค์กรเอกชนระหว่างประเทศ หรือ เอ็นจีโอที่อยู่ในยะไข่ ติดเชื้อโควิดมากกว่า 10 คน โดยเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเป็นคนท้องถิ่น ได้รับเชื้อในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและช่วยป้องกันโควิด-19 ให้แก่ชาวรัฐยะไข่และชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพโรฮิงญา
ส่วนมาตรการสกัดโควิดล่าสุดในเมียนมา รัฐบาลได้เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการ เพิ่มเติมจากมาตรการคุมเข้มการเข้าไปในกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา โดยสั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและขยายเวลาห้ามเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าไปในเมียนมาไปจนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้ ในขณะที่มาตรการห้ามรวมกลุ่มเกิน 30 คนยังคงใช้อยู่ ส่วนมาตรการเคอร์ฟิวตั้งแต่เทียงคืนถึงตี 4 ยังคงบังคับใช้ในบางพื้นที่แต่การสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะไม่ได้บังคับแต่แนะนำให้สวมและบางพื้นที่มีการใช้มาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาด
ในสัปดาห์นี้รัฐบาลเมียนมาเริ่มใช้มาตรการตรวจเชื้อโควิด-19 ประชาชนทุกคนที่จะเข้าไปในกรุงเนปิดอว์ และอนุญาตเฉพาะผู้ที่มีผลตรวจเป็นลบ คือไม่ติดเชื้อโควิด เข้าไปในกรุงเนปิดอว์ได้ ส่วนเมื่อสัปดาห์ก่อน เมียนมาได้ใช้มาตรการล็อกดาวรัฐยะไข่ทั้งรัฐ โดยสั่งให้ประชากรทั้งหมดกว่า 3 ล้านคนในยะไข่ ต้องอยู่กับบ้าน เพื่อหยุดการระบาดของโควิด19 ให้ได้
อย่างไรก็ตามโรงงานต่างๆได้รับอนุญาตให้เปิดทำงานได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบดูแลของรัฐบาล ภัตตาคารร้านอาหารเปิดได้แล้วแต่ต้องรักษามาตรการโซเชียล ดิสแทนซิ่งอย่างเคร่งครัด