ชุมชนมุสลิมในเมียนมาร์ เรียกร้องให้รัฐบาลต่อสู้กับการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19
ชุมชนมุสลิมในเมียนมาร์ เรียกร้องให้รัฐบาลต่อสู้กับการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ในประเทศ หลังจากที่มีการพบผู้ติดเชื้อในเมียนมาร์มากขึ้น และมีผู้เสียชีวิตเป็นรายแรกแล้ว
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 63 ทินหม่องเลขาธิการอิสลามแห่งประเทศเมียนมาร์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะใช้สถานที่ในมัสยิดเพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิด-19
เขากล่าวว่า “มีมัสยิดในเมียนมาว่า 1,000 แห่ง และโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามอีกหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีโรงแรม อาพาร์ทแม้นท์ และอาคารธุรกิจที่มุสลิมเป็นเจ้าของ สถานที่เหล่าที่สามารถนำมาใช้งานเป็นสถานพักพิง และสถานพยาบาลชั่วคราว สำหรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้”
เขาเสริมว่า เราแจ้งรัฐบาลในระดับชาติและระดับภูมิภาค ว่าอาคารทางศาสนาสามารถเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลชั่วคราวและสถานที่กักกันหากจำเป็น
เจ้าหน้าที่กำหนดให้กักกันตัวเองสำหรับชาวพม่าที่กลับมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไทย จีน และลาวผ่านด่านชายแดน
“ เรายังขอให้ชุมชนมุสลิมในท้องถิ่นช่วยเหลือผู้ที่กลับมาจากการกักกันตัวเองในที่ของตน” เขากล่าว
“ นี่คือเวลาที่เราต้องร่วมมือกัน ด้วยความสามัคคีเราสามารถเอาชนะสถานการณ์นี้ได้” เขากล่าว
ทั้งนี้ ประเทศเมียนมาร์ยืนยันรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นรายที่ 3 เมื่อวันอังคาร และมีผู้เสียชีวิตรายแรกเมื่อวาน
โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผยผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมียนมาร์ เสียชีวิตเป็นรายแรกของประเทศวันนี้ (31) ที่โรงพยาบาลในนครย่างกุ้ง โดยผู้เสียชีวิตเป็นชายวัย 69 ปี ที่มีโรคประจำตัวเป็นมะเร็ง
“ผู้ป่วยเสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 7.25 น.” แพทย์หญิงขิ่น ขิ่น จี โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
พม่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศรวม 14 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุขได้กล่าวเตือนว่าประเทศมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระบาดใหญ่ หลังชาวพม่าหลายหมื่นชีวิตที่เป็นแรงงานอยู่ในไทยรีบเร่งเดินทางกลับภูมิลำเนาก่อนปิดด่านชายแดน
พม่ามีระบบการดูแลสุขภาพที่ย่ำแย่หลังถูกละเลยมาเป็นเวลาหลายสิบปีภายใต้การปกครองของอดีตรัฐบาลเผด็จการทหาร