วันที่ 31 มี.ค. 63 สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดยะลา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยะลา มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 79 ปี อาชีพพ่อค้า อยู่หมู่ 2 ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา พบประวัติเดินทางกลับจากงานแต่งงานที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยสารรถตู้ไม่ได้ค้างคืน เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา
กลับมาเริ่มมีอาการป่วยในวันที่ 21 มีนาคม 2563 อาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว วันที่ 23 มีนาคม เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา ด้วยอาการมีไข้ ผู้ป่วยไม่ได้ให้ประวัติในการเดินทาง รับยากลับบ้าน
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา อีกครั้ง อาการไข้ 39.1 องศาเซลเชียส ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ รับการเอกซเรย์ปอด ส่งต่อโรงพยาบาลยะลา วันที่ 28 มีนาคม 2563 ผู้ป่วยมีประวัติโรคประจำตัวไตวายเรื้อรัง โรคเบาหวาน ผลทางห้องปฏิบัติการรายงานผลตรวจ พบเชื้อโควิด-19 ทีมแพทย์ให้การรักษาอย่างเต็มที่ วันที่ 31 มีนาคม 2563 เสียชีวิต เวลา 08.15 น.
ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยะลา และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ยะหา ร่วมประกอบพิธีในการฝังศพ ที่กุโบร์บ้านบูเกะ หมู่ที่ 2 ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา
ทั้งนี้ กรณีมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด-19 นั้น ห้ามญาติและผู้มาเยี่ยม สัมผัสหรือจูบศพ และเพื่อป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายของเชื้อ จึงทำให้การจัดการศพต้องดำเนินไปตามหลักการแพทย์ทุกประการ โดยให้ทำการตะยัมมุมแทนการอาบน้ำศพในห้องปลอดเชื้อ หรือสถานที่ ที่จัดเตรียมไว้โดยเฉพาะ เสร็จแล้วปิดถุงบรรจุศพ โดยถือเอาถุงบรรจุศพนั้นเป็นกะฝั่น (ผ้าห่อศพ) และให้ทำการละหมาดให้แก่ศพ ณ สถานที่นั้น
หลังจากนั้นให้นำศพไปฝังที่สุสานโดยเร็วที่สุดทางศาสนาอิสลาม ซึ่งนับเป็นการเสียชีวิตรายที่ 2 ของจังหวัดยะลา และรายที่ 3 ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ ยังพบผู้สัมผัสภายในบ้าน จำนวน 2 ราย ภรรยา และหลาน ผลการตรวจผู้สัมผัสร่วมบ้านพบว่า ภรรยา และหลาน ยังไม่มีอาการ กักตัวเอง 14 วัน ส่วนผู้สัมผัสในชุมชนที่เดินทางไปเยี่ยมผู้ป่วยก่อนติดเชื้อ มีจำนวน 5 คน ทุกคนสังเกตอาการที่บ้าน 14 วัน ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
ที่มา ไทยรัฐ