ในขณะที่วิกฤตโคโรนาไวรัสกำลังแผ่ขยายไปทั่วจีนและทั่วโลก ทางการจีนได้ร้องขอความช่วยเหลือ
ในขณะที่วิกฤตโคโรนาไวรัสกำลังแผ่ขยายไปทั่วจีนและทั่วโลก ทางการจีนได้ร้องขอความช่วยเหลือด้านหน้ากากอนามัยจากประเทศต่างๆ แม้ผู้เชี่ยวชาญจะยังคงไม่แน่ใจถึงประสิทธิภาพของหน้ากากอนามัยมากนัก แต่หน้ากากอนามัยถือเป็นเครื่องมือป้องกันที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั้งในกลุ่มคนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เฉพาะที่มณฑลหูเป่ยเพียงแห่งเดียว คาดว่ามีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อยู่ราว 5 แสนคน
ในช่วงการระบาด ทางการจีนแนะนำให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ ซึ่งอาจมากถึง 4 ครั้งต่อวัน นั่นหมายถึงมีความต้องการใช้ถึง 2 ล้านชิ้นต่อวัน ไม่นับรวมถึงความต้องการของประชาชนทั่วไป ที่ต้องการป้องการตนเองจากไวรัส ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับคำแนะนำจากทางการให้สวมหน้ากากหรือไม่ก็ตาม เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านระบบขนส่งมวลชนมากกว่าครึ่งล้านคน ที่ได้รับคำแนะนำให้สวมหน้ากากตลอดเวลา ขณะที่มีรายงานว่า ร้านค้า สถานที่สาธารณะ และธุรกิจหลายแห่ง แนะนำให้ลูกค้าสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนใช้บริการ นอกจากนั้น การสวมหน้ากากอนามัยถือเป็นเรื่องปกติสำหรับชาวจีน ทั้งเพื่อปกป้องจากปัญหามลภาวะ และอาการเจ็บป่วยทั่วไป
จีนถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันที่ใช้ในทางการแพทย์มากที่สุดในโลก และส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ จีนสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้ราว 20 ล้านชิ้นต่อวัน หรือกว่า 7 พันล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นราวครึ่งหนึ่งของจำนวนการผลิตทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันจีนลดการผลิตลงมาเหลือที่ราว 10 ล้านชิ้น เนื่องจาก 2 ปัจจัยคือ วันหยุดเทศกาลตรุษจีน และผลจากการระบาดของไวรัส และในช่วงเวลาที่หน้ากากอนามัยแทบไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ นั่นหมายความว่า ประเทศผู้นำเข้ารายสำคัญอย่างสหรัฐฯ อาจต้องประสบปัญหา
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชนของสหรัฐฯ ระบุว่า 95% ของหน้ากากอนามัย และ 70% ของอุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจที่ใช้ในสหรัฐฯ ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งนั่นทำให้อุปทานของหน้ากากอนามัย เสี่ยงที่จะประสบกับปัญหาการหยุดชะงักด้านแรงงาน หากการระบาดของโรคแพร่กระจายไปยังแรงงานที่ทำหน้าที่ในการผลิต
ด้าน เมดิคอม กรุ๊ป บริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัยที่ตั้งอยู่ที่เมืองมอนทริอัลของแคนาดา เปิดเผยว่า บริษัทได้รับจดหมายจากเจ้าหน้าที่ในนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อสั่งให้บริษัทจำหน่ายสินค้าจากโรงงานของบริษัทที่ตั้งอยู่ที่นั่น ให้แก่รัฐบาลท้องถิ่น ทำให้เมดิคอมต้องเร่งกำลังการผลิต แต่ต้องประสบปัญหาด้านข้อจำกัดในการเดินทางที่ทำให้แรงงานจำนวนมากไม่สามารถเดินทางไปโรงงานได้ ภายหลังวันหยุดเทศกาลตรุษจีน
เมดิคอมได้เพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานในฝรั่งเศสและที่เมืองออกัสต้า ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐฯ โดยที่โรงงานของ “โคลมี โฮเพ่น” บริษัทลูกของเมดิคอม ในเมืองอองเฌร์ ของฝรั่งเศส ซึ่งปกติแล้วสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้ราว 170 ล้านชิ้นต่อปี ได้รับคำสั่งผลิตแล้วกว่า 500 ล้านชิ้น ทำให้โรงงานต้องเร่งผลิตสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง
ด้านโฆษกบริษัท 3M ระบุว่า ทางการท้องถิ่นของจีนได้ขอสั่งซื้ออุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจจากโรงงานของบริษัทในเซี่ยงไฮ้ และเสริมว่า อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจที่ผลิตในจีน มักจะจำหน่ายในประเทศ
ด้านบริษัท “ฟ็อกซ์คอนน์” ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ให้แก่แอปเปิล ยังเตรียทมี่จะหันมาผลิตหน้ากากอนามัยแล้วเช่นกัน ฟ็อกซ์คอนน์ ระบุใน “วีแช็ต” ว่า ในสงครามการต่อต้านโรคระบาด ทุกวินาทีมีค่า ดังนั้น ยิ่งเราเตรียมความพร้อมได้เร็วเท่าไหร่ เราก็สามารถป้องกันไวรัสได้เร็วเท่านั้น และยิ่งเราสามารถช่วยชีวิตคนได้มากเท่าไหร่ เราก็สามารถเอาชนะการระบาดได้เร็วขึ้นเท่านั้น โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะผลิตหน้ากากอนามัยให้ได้ราว 2 ล้านชิ้นต่อวันภายในสิ้นเดือนนี้
ฟ็อกซ์คอนน์ ระบุว่า บริษัทได้เริ่มการผลิตหน้ากากอนามัยแล้วที่โรงงานในเมืองเสิ่นเจิ้น โดยมีเป้าหมายแรกคือการช่วยป้องกันคนงานไม่ให้ติดเชื้อไวรัสร้าย ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในองค์กรแล้ว นี่ยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย และหากสามารถเดินหน้าการผลิตได้อย่างเต็มกำลังเมื่อใด บริษัทก็จะเริ่มการผลิตหน้ากากอนามัยให้แก่บุคคลภายนอกองค์กรได้
ฟ็อกซ์คอนน์ยังเสริมว่า บริษัทจะใช้เครื่องมือตรวจวัดอุณหภูมิด้วยรังสีอินฟราเรดรุ่นใหม่ ในโรงงานหลายแห่ง เพื่อตรวจจับการแพร่กระจายของเชื้อโคโรนาไวรัส
ด้าน “เจเนอรัล มอเตอร์” หรือ จีเอ็ม บริษัทยานยนต์รายใหญ่ของสหรัฐ ยังได้ประกาศให้ความร่วมมือในการช่วยลดปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย โดยที่บริษัท เอสเอไอซี-จีเอ็ม-วู่หลิง บริษัทร่วมทุนในจีน ประกาศที่จะจัดตั้ง 14 สายการผลิต ที่มีเป้าหมายผลิตหน้ากากอนามัย 1.7 ล้านชิ้นต่อวัน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากบีบีซีระบุว่า ในระหว่างวันที่ 24 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จีนซื้อหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศแล้วกว่า 220 ล้านชิ้น หนึ่งในนั้นคือเกาหลีใต้ โดยนับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทางการจีนได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าด้านเวชภัณฑ์แล้วหลายรายการ
ในขณะที่อินเดียและไต้หวันสั่งห้ามการส่งออกหน้ากากอนามัย ไต้หวันระบุว่า ต้องการปกป้องพลเมืองของตนก่อนเป็นลำดับแรก และประกาศการใช้ระบบการปันส่วนสำหรับสินค้าประเภทหน้ากากอนามัย