ผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาไวรัส รายแรกของไทย เล่าเปิดใจหลังรักษาอาการจนหายดีแล้ว
วันที่ 5 ก.พ. 63 นางใจม่วย แซ่อึ๊ง หญิงวัย 73 ปี ชาวจังหวัดนครปฐม ผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาไวรัส รายแรกของไทย เล่าเปิดใจหลังรักษาอาการจนหายดีแล้ว ว่า อาม่าเดินทางไปเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ไม่ได้ไปตลาดสดเลย ไปแต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และบนเขา ไปกับลูกสาว และหลาน รวมๆ แล้ว 18 คน
เมื่อถามว่าอาม่าได้ไปกินสัตว์อะไรไหม อาม่าเล่าว่า นึกไม่ออกเลย เพราะเราไปกินอาหารที่สะอาด กินที่ภัตตาคาร ไม่ได้ติดตามตรอกเลย ส่วนคนที่เราเจอก็เห็นว่าไอจามปกติ เพราะเราขึ้นรถเมล์รถไฟ คิดไม่ถึงว่าจะติดโรคนี้
เป็นผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรก ก็รู้สึกตกใจ เพราะเราไปกันตั้งเยอะแยะ ทำไมเราต้องติดด้วย อาม่าไปเที่ยววันที่ 25 ธันวาคม 2562 เดินทางกลับไทยวันที่ 3 มกราคม 2563 ตอนเช้ามืด กลับมาแล้วก็รู้สึกเมื่อยตัว คิดว่าเดินเยอะ เที่ยวเยอะ คิดว่าเป็นโรคหัวใจกำเริบ มึนๆ ทานอาหารไม่ลง
พอได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใน จ.นครปฐม ก็ไม่กลัว ตอนนั้นอยู่ในห้องกระจกหลายชั้น หมอจะเข้าไปตรวจแต่ละครั้ง ต้องแต่งชุดที่เห็นแค่ตา ตอนนั้นอาม่าไม่เข้าใจว่าทำไมขนาดนี้ ช่วงแรก ๆ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พอผ่านไประยะหนึ่ง หมอก็บอกแล้วก็เลยทราบ แรกๆ ก็เครียด ญาติลูกไม่ได้เจอ อยากกลับบ้าน หมอก็บอกว่าต้องรักษานะ ตอนนั้นหายใจเจ็บปอด และเจ็บหัวใจนิดๆ หายใจก็เจ็บ แล้วพอรักษาไป 3 วัน ก็อาการดีขึ้นจากนั้นหมอให้กลับบ้านได้
อาม่า เล่าอีกว่า ตอนเที่ยวอยู่ที่จีน ไม่มีการประกาศแจ้งเลยว่ามีการระบาด แต่ก็มีลูกชายโทรไปหา บอกว่าที่จีนมีคนติดไวรัสโคโรนาแล้วตายนะ แต่เราก็สังเกตอาการตัวเองตามที่ลูกบอกก็ตอนนั้นไม่เป็นเลย อยากบอกทุกคนว่า ถ้าเป็นอะไรให้หาหมอ เพื่อให้ได้รักษาทันท่วงที
ด้านทีมแพทย์ที่ให้การรักษา ระบุว่า การรักษาอาม่ารายนี้เป็นการรักษาตามอาการ ไม่ได้ใช้ยาต้านไวรัส สำหรับอาการของอาม่า เป็นกลุ่มที่อาการปานกลางถึงมาก เพราะมีโรคหัวใจ และปอดอักเสบด้วย อายุมาก มีโรคแทรกซ้อน ในระยะท้ายของโรคจะให้ผู้ป่วยกลับบ้านก็ได้ แต่ต้องระวังการแพร่เชื้อ เราต้องตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อแล้วถึงกลับบ้านได้ ทำให้อาม่าต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลถึง 9 วัน ส่วนคนในครอบครัวที่เดินทางไปด้วย รวมถึงแพทย์ที่ให้การรักษาไม่มีใครได้รับเชื้อจากอาม่า
นอกจากนี้ยังได้มีทีมจิตแพทย์ดูแลด้วย เนื่องจากว่าผู้ป่วยอยู่ในห้องแยกเพียงลำพัง ไม่มีคนสนิทอยู่ด้วยเลย อย่างกรณีอาม่ามีความเครียด เพราะมีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้น้อย และเมื่ออาการดีขึ้นสภาพจิตใจดีขึ้นตาม
ด้านลูกสาวของอาม่า บอกว่า ครั้งแรกที่พามาคิดว่าโอกาสรอดอาจจะแค่ 50 เปอร์เซ็น เพราะอาม่าอายุมากแล้ว และตอนมาส่งไม่มีแรงเลย กินอะไรไม่ได้ เรารู้ข่าวว่ามีไวรัสโคโรนาระบาด ก็เลยพามาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด มาเฝ้าแม่ตลอด เห็นแพทย์วิ่งเข้าออกตลอด ตอนนี้ก็ดีใจที่แม่ได้กลับบ้านแล้ว