ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ลงนามในข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับจีน ซึ่งรวมทั้งการให้คำมั่นสัญญา
วันที่ 16 ม.ค.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ลงนามในข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับจีน ซึ่งรวมทั้งการให้คำมั่นสัญญาจากรัฐบาลจีนที่จะสั่งซื้อสินค้าจากเกษตรชาวอเมริกันเพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่าในปีแรก ข้อตกลง 86 หน้า มีขึ้นหลังมีการหารือกันที่ไม่ประสบความสำเร็จมานานเกือบ 2 ปี และผลักดันให้ทั้ง 2 ประเทศมหาอำนาจเข้าสู่สงครามการค้า ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อผู้ผลิตสินค้าการเกษตร โดยเฉพาะถั่วเหลืองของสหรัฐ
ทรัมป์ ระบุว่า ข้อตกลงฉบับนี้จะเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจสหรัฐได้ ขณะที่บรรดาผู้นำจีนก็เรียกข้อตกลงฉบับนี้ว่า “สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย” ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศให้ดีขึ้น โดยจีนให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าของสหรัฐ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าในปี 2560 และเข้มงวดกับกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ส่วนสหรัฐก็แลกเปลี่ยนด้วยการตกลงที่จะลดอัตราภาษีใหม่ลงครึ่งหนึ่ง ที่กำหนดบังคับใช้กับสินค้าของจีนก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อตกลงการค้า "ระยะที่ 1" ซึ่งลงนามโดยทรัมป์ และนายหลิ่ว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาจากจีนที่ห้องตะวันออกของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีสาระสำคัญที่จับต้องได้คือ จีนตกลงจะซื้อสินค้าสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 76,700 ล้านดอลลาร์ ในปีแรกของข้อตกลงระยะที่ 1 และ 123,300 ล้านดอลลาร์ในปีที่ 2 ซึ่งเท่ากับว่าในระยะ 2 ปี จีนจะซื้อสินค้าจากสหรัฐรวมมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้รวมถึงสินค้าโรงงานผลิตจำนวน 77,700 ล้านดอลลาร์ สินค้าพลังงานจำนวน 52,400 ล้านดอลลาร์ และสินค้าบริการ 37,900 ล้านดอลลาร์
ทรัมป์ กล่าวด้วยว่า ความสัมพันธ์ยอดเยี่ยม อาจไม่ได้ดีขึ้น แต่กล่าวได้เลยว่า สูงที่สุด ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาระหว่างจีนและสหรัฐ ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศดีเยี่ยม ทั้งเรื่องความร่วมมือการค้าและแม้แต่การทหาร
ทั้งนี้ จีนและสหรัฐ ต่างตอบโต้กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในการทำสงครามการค้า โดยต่างฝ่ายต่างปรับขึ้นภาษี ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อการค้า, อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจดำดิ่ง และเขย่าประสาทนักลงทุนด้วย