นายโมฮัมหมัด จา-หวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ของทางการอิหร่านว่า
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโมฮัมหมัด จา-หวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ของทางการอิหร่านว่า อิหร่านจะตอบโต้สหรัฐฯ ที่สังหาร พลตรีกาเซ็ม โซเลมานี่ ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ เมื่อใดและด้วยวิธีการใด ๆ ก็ได้ทั้งนั้น แต่อิหร่านจะไม่ลงไปเล่นในเกมใส่ร้ายป้ายสีและการขู่กรรโชกอิหร่านของสหรัฐฯ โดยอิหร่านจะตอบโต้สหรัฐฯ อย่างเหมาะสม ตามคำสั่งของอยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน
ด้าน ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอิหร่านหลายคน ออกมาวิเคราะห์วิธีการที่อิหร่านจะใช้ล้างแค้นสหรัฐฯ โดยนายนอร์แมน รูล ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าด้านข่าวกรองแห่งชาติฝ่ายอิหร่านจนถึงปี 2560 มองว่า อิหร่านน่าจะลงมือเอง มากกว่าใช้ "ตัวแทน" โดยต้องทำอย่างระมัดระวังและสามารถปฏิเสธการเป็นผู้ลงมือได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สหรัฐฯ ใช้เป็นข้ออ้างในการทำสงครามกับอิหร่าน ซึ่งอาจนำไปสู่การล่มสลายการสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน นอกจากนั้น อิหร่านยังไม่ต้องการเป็นศัตรูกับยุโรป จีน หรือรัสเซียอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังมองความเป็นไปได้ที่อิหร่านอาจตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยการโจมตีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อมุ่งทำลายเศรษฐกิจ รวมทั้งระบบสาธารณสุขและการควบคุมการจราจรทางอากาศ รายงานของสถาบันเพื่อสันติของสหรัฐฯ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ระบุว่านับตั้งแต่ พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา อิหร่านมีศักยภาพด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด และอิหร่านก็กำลังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดังเช่นหลักฐานที่ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง อาทิ เมื่อเดือนตุลาคม 2562 บริษัท ไมโครซอฟต์ของสหรัฐฯ เผยว่า เหล่าแฮกเกอร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลอิหร่านได้พยายามโจมตีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยหน้า ตลอดจนโจมตีข้อมูลของเจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐฯ หลายคน
ด้าน อดีตเจ้าหน้าที่ของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ ซีไอเอ ผู้หนึ่ง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านอิหร่านและลัทธิก่อการร้าย ยังคาดการณ์ว่า อิหร่านจะโจมตีเป้าของสหรัฐฯ ที่ไกลออกไปจากตะวันออกกลาง และเป็นที่ที่อาจไม่มีการเฝ้าระวังสูงสุด ซึ่งอาจเป็น ในกรุงลิมา ของเปรู , กรุงบัวโนสไอเรสต์ของอาร์เจนตินา , กรุงอาซุนซีออง ของปารากวัย ,มาเลเซีย, แอฟริกาตะวันตก และยุโรป ตลอดจนสถานที่อื่นๆ ที่เป็นที่รู้กันว่า มีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นเครือข่ายของอิหร่านเคลื่อนไหวอยู่