เคสที่น่าคิดในช่วงปลายปี 2019 ปรากฏความเชื่อมโยงระหว่างนักฟุตบอลชื่อดังกับสถานการณ์
เคสที่น่าคิดในช่วงปลายปี 2019 ปรากฏความเชื่อมโยงระหว่างนักฟุตบอลชื่อดังกับสถานการณ์ทางสังคมการเมือง และศาสนาที่เกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน แข้งดังที่ว่าคือ เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมนีของสโมสรอาร์เซนอล ที่แสดงออก (อีกครั้ง) ในเรื่องละเอียดอ่อน
โอซิลเป็นชาวมุสลิมและมีเชื้อสายตุรกีอยู่แต่เดิม ด้วยภูมิหลังนี้ทำให้เขามักแสดงออกในประเด็นที่เกี่ยวพันกับชาวมุสลิมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เขาตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วน และต้องยอมรับว่า คนรอบข้าง อาทิ ต้นสังกัดและแฟนบอลก็ถูกเชื่อมโยงเข้าไปในประเด็นตามไปด้วย
ในช่วงที่มีประเด็นเรื่องความไม่ลงรอยกันระหว่างชาวอุยกูร์ (ชาวมุสลิมในแคว้นซินเจียง) กับจีน โอซิลซึ่งเป็นมุสลิมด้วยก็โพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเองที่มีคนติดตามรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน เนื้อหาของโพสต์วิจารณ์การปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์โดยจีน และยังเอ่ยถึงชุมชนมุสลิมที่โอซิลมองว่า ดูเหมือนจะโต้ตอบกับสถานการณ์ได้ไม่ค่อยเต็มที่
เมื่อโอซิลแสดงออกเช่นนี้เท่ากับว่าแสดงตัวไปอยู่กับฟากตรงข้ามกับทางการจีน เป็นที่ทราบกันดีว่า จีนเป็นตลาดใหญ่ของโลก ไม่ใช่แค่ในด้านกีฬาเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงวงการอื่น ๆ การแสดงออกของโอซิล กระทบมาถึงตัวเขาเอง มีรายงานว่า มิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกปี 2014 ถูกตัดชื่อออกจากเกมชื่อดังในเวอร์ชั่นของจีน
ขณะที่สโมสรอาร์เซนอลก็เจอผลกระทบจากกรณีนี้เข้าไป เมื่อมีรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ที่รัฐเป็นเจ้าของก็ยกเลิกโปรแกรมถ่ายทอดสดเกมที่อาร์เซนอลลงแข่ง สำหรับอาร์เซนอลแล้ว พวกเขาเป็นเช่นเดียวกับสโมสรจากพรีเมียร์ลีกที่มีฐานแฟนกระจายทั่วโลก ในจีนเองก็มีแฟนจำนวนมหาศาลอยู่ด้วย สื่อสังคมออนไลน์ Weibo ของจีนมีผู้ติดตามอาร์เซนอลมากถึง 5 ล้านราย หลังจากเกิดเรื่องสโมสรต้องแถลงชี้แจงว่า องค์กรต้นสังกัดของนักเตะไม่ได้แสดงออกในทิศทางเดียวกับความคิดเห็นของนักเตะในทีม และชี้ว่าสโมสรยึดแนวทางไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองอยู่แล้ว
เห็นได้ว่าภาคองค์กรทางธุรกิจเข้าใจเรื่องความละเอียดอ่อนทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อจุดยืนและภาพลักษณ์ของพวกเขา ด้วยระบบธุรกิจแบบนี้ก็ทำให้โอซิลเอ่ยเช่นกันว่า สโมสรอยู่ในสถานะไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า สิ่งเหล่านี้คือ “มูลค่า” ของการเข้าไปอยู่ในวังวนทางการเมือง หากตีออกมาเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจย่อมมีค่าไม่มากก็น้อย
ทศวรรษหลังมานี้ สโมสรอาร์เซนอลมีสปอนเซอร์รายใหญ่เป็นสายการบินจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ซึ่งแอมเนสตี้นานาชาติเคยวิจารณ์ยูเออีเรื่องสิทธิ ความเท่าเทียม และการแสดงออกทางความคิดเห็น ที่ผ่านมา สโมสรและผู้เล่นหลายรายไม่ค่อยได้แสดงจุดยืนเท่าใดนัก ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจกีฬาแสดงความคิดเห็นที่น่าจะรวบรัดและตรงไปตรงมาที่สุดว่า หากจะทำธุรกิจกับจีน จีนย่อมเป็นฝ่ายวางกฎ ใครก็ตามที่มาทำสัญญาทางธุรกิจร่วมกัน โดย
พื้นฐานแล้ว คู่สัญญามักไม่เพียงทำตามระเบียบทางธุรกิจ แต่ยังต้องดำเนินการตามมาตรฐานทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ไปจนถึงแง่มุมทางการเมืองให้สอดคล้องกัน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ไปแตะต้องหรือแสดงออกในลักษณะขัดกับสิ่งเหล่านั้น
กรณีตัวอย่างถึงผลกระทบที่ตามมาและเห็นได้ชัดคือ หลังจากโอซิลเผยแพร่ความคิดเห็น ปฏิกิริยาในจีนตอบกลับทันควัน ไม่ว่าข้อเท็จจริง (ที่แสนซับซ้อนและละเอียดอ่อน) จะเป็นเช่นไร
ปฏิกิริยาจากชาวจีนที่ออกมาคือวิจารณ์โอซิลในทางลบ (โอซิลมีบัญชีใน Weibo มีผู้ติดตามไม่ต่ำกว่า 4 ล้านราย) สื่อบางแห่งระงับรายงานข่าวเกี่ยวกับโอซิล ขณะที่พื้นที่ของสื่อสังคมออนไลน์แถวหน้าของจีนอย่าง Baidu Tieba ก็ระงับหน้าเนื้อหาซึ่งเกี่ยวข้องกับโอซิล
ต้องยอมรับว่า ท่ามกลางเรื่องอันละเอียดซับซ้อนนี้ ไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าควรหรือไม่ควรทำสิ่งใด สโมสรบางแห่งหรือนักเตะบางคนไม่ขอยุ่งเกี่ยว ในบางบริบทอย่างสโมสรในเยอรมนี บางแห่งผลักดันให้ชุมชนเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม มีน้อยรายนักที่จะกล้าแตะไปถึงบริบทจีนซึ่งเป็นมหาอำนาจและตลาดใหญ่ของวงการกีฬา แต่หากเป็นประเด็นที่ครอบคลุมในปริมณฑลระดับชุมชน หรือภูมิภาค ก็อาจมีสโมสรที่แสดงจุดยืนให้เห็นกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีผิว ความยุติธรรม ฯลฯ
ตำแหน่งทางการตลาดของอาร์เซนอล ในจีนอาจยังไม่กระทบกระเทือนมากนักในกรณีนี้ และพวกเขาต้องรักษาฐานที่มั่นทางธุรกิจสำหรับสถานะองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผลงานในลีก และรายการถ้วยยุโรปไม่สม่ำเสมอย่อมส่งผลต่อรายได้ แต่สำหรับโอซิลพื้นที่แบรนด์ของตัวบุคคลในจีนน่าจะเสียหาย แต่เชื่อว่านักเตะเองคงไม่ได้เล็งเป้าหมายทางอาชีพนักกีฬาไปอยู่ในจีนมากนัก เขาเริ่มอยู่ในช่วงขาลงของอาชีพนักเตะ แต่ฝีเท้า ดีกรี และผลงานที่ผ่านมายังเป็นเครื่องมือหากินสำหรับเขาในยุโรปได้อยู่