เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์สังหารคน 19 คน 13 คนเป็นพลเรือน ในเมืองอัลบับภายใต้การควบคุมของตุรกี
เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์สังหารคน 19 คน 13 คนเป็นพลเรือน ในเมืองอัลบับภายใต้การควบคุมของตุรกีทางตอนเหนือของซีเรียวันนี้ (16) กลุ่มสังเกตการณ์สงคราม ระบุ
เหตุระเบิด ซึ่งทำลายป้ายรถบัสและรถแท็กซี่ในเมืองดังกล่าว ยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 33 คนอีกด้วย บางส่วนอาการสาหัส กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย รายงาน
ตุรกีและกลุ่มตัวแทนของพวกเขาในซีเรียควบคุมหลายพื้นที่ในดินแดนฝั่งชายแดนซีเรีย หลังจากการบุกจู่โจมอย่างต่อเนื่องในปี 2016-2017 และ 2018-2019
ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการะเบิด แต่กลุ่มสังเกตการณ์ ระบุว่า มีเหตุการณ์ด้านความมั่นคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในเมืองนี้นับตั้งแต่ทหารตุรกียึดมันไปจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2017
เมืองแห่งนี้ ซึ่งอยู่ห่างจาก อเลปโป เมืองใหญ่อันดับสองของซีเรียไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 30 กิโลเมตร เคยเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสุดฝั่งตะวันตกของ “อาณาจักรคอลิฟะห์” ของกลุ่มไอเอส ซึ่งท้ายที่สุดถูกกวาดล้างโดยกองกำลังชาวเคิร์ดที่สหรัฐฯ หนุนหลังในภาคตะวันออกของซีเรียเมื่อเดือนมีนาคม
ตุรกีโทษเหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้เป็นฝีมือหน่วยพิทักษ์ประชาชนชาวเคิร์ด (วายพีจี) ซึ่งถูกตุรกีเข้ากวาดล้างครั้งใหม่จากทางตะวันออกเมื่อเดือนที่แล้ว
นักรบชาวเคิร์ด “ยังคงมุ่งเป้าพลเรือนผู้บริสุทธิ์โดยใช้วิธีการเดียวกับพวกดาเอช” กระทรวงกลาโหม ระบุในบัญชีทวิตเตอร์โดยเรียกไอเอสด้วยอีกชื่อย่อหนึ่ง
ไม่มีการตอบสนองจากกลุ่มวายพีจีที่อังการามองว่าเป็นเครือข่ายก่อการร้ายของพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน ซึ่งก่อกบฏภายในตุรกีเมื่อช่วง 35 ปีที่ผ่านมา
การรุกรานครั้งล่าสุดของตุรกี ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างเขตกันชนตลอดแนวชายแดน เรียกเสียงวิจารณ์จากฝ่ายตะวันตก เนื่องจากวายพีจีมีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการปราบไอเอสของสหรัฐฯ
การรุกรานหยุดลงหลังตุรกีบรรลุข้อตกลงกับรัสเซีย ผู้สนับสนุนหลักของรัฐบาลซีเรีย ว่าจะร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ชายแดนและกำกับดูแลการถอนกำลังของนักรบชาวเคิร์ดจากพื้นที่ใหม่ที่ตุรกีควบคุมระหว่างเมืองทัลอับยัดและรัสอัลไอน์