ศาลซาอุดีอาระเบียเริ่มพิจารณาลับในคดีการสังหาร “จามัล คาช็อกกิ”
ตั้งแต่เดือนมกราคม 2019 ศาลซาอุดีอาระเบียเริ่มพิจารณาลับในคดีการสังหาร ‘จามัล คาช็อกกิ’ นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบียที่ถูกสังหารในสถานกงสุลของซาอุดีอาระเบีย ในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2018
หลังข่าวการเสียชีวิตของคาช็อกกิเป็นที่รับรู้ไปทั่วโลก ทางการซาอุดีอาระเบียต้องออกมาแสดงท่าทีให้ความสำคัญเช่นกัน และมีข่าวว่า ได้จับกุมผู้เกี่ยวข้อง 11 คน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบศพของคาช็อกกิ
อีกไม่กี่วันก็จะครบรอบหนึ่งปีของการเสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 กันยายน หนังสือพิมพ์ซาบาห์ซึ่งใกล้ชิดกับรัฐบาลตุรกี เผยแพร่เนื้อหาส่วนหนึ่งที่ถูกเปิดเผยระหว่างการไต่สวน ซึ่งเป็นบันทึกสนทนาครั้งสุดท้ายของคาช็อกกิ หนังสือพิมพ์ระบุว่า ได้มาจากหน่วยข่าวกรองของตุรกี
ในบันทึกการสนทนา มาเฮร์ มุทเร็บ (Maher Mutreb) ทหารซาอุดีอาระเบียบอกกับคาช็อกกิว่า เขาต้องถูกส่งตัวกลับไปยังซาอุดีอาระเบีย เพราะมีคำสั่งของตำรวจสากล แต่คาช็อกกิปฏิเสธบอกว่าไม่มีคดีอะไรที่เกี่ยวกับเขา และคู่หมั้นรออยู่ด้านนอก
นอกจากนี้ มุทเร็บและชายอีกคนหนึ่งบังคับให้เขาส่งข้อความไปถึงลูกชายว่าไม่ต้องเป็นห่วงถ้าไม่ได้ยินข่าวอะไรจากเขา แต่คาช็อกกิก็ปฏิเสธบอกว่า “ผมจะไม่เขียนอะไรเลย” มุทเร็บจึงพูดว่า “ช่วยเราหน่อย เราจะได้ช่วยคุณ เพราะว่าในท้ายที่สุด เราก็จะพาคุณไปซาอุดีอาระเบีย และถ้าไม่ช่วยเรา คุณก็รู้ว่าจะเป็นยังไง”
“อย่าปิดปากผม ผมเป็นหอบหืด อย่าทำแบบนั้น คุณจะทำให้ผมหายใจไม่ออก” เป็นคำพูดสุดท้ายของคาช็อกกิกับฆาตกร ที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะถูกวางยาสลบและหมดสติ
รายละเอียดส่วนหนึ่งจากบันทึกการสนทนานี้ อยู่ในรายงานขององค์การสหประชาชาติเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รายงานนี้กล่าวหาว่าซาอุดีอาระเบียมีส่วนในการสังหารเขา และบอกว่าควรมีการตรวจสอบบทบาทของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานในปฏิบัติการนี้
คาช็อกกิ นักข่าววัย 59 ปี เป็นคอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ เขาเข้าไปในสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียในประเทศตุรกีเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมเพื่อรับเอกสารที่อนุญาตให้เขาแต่งงานใหม่ได้
โดยคู่หมั้นนั่งรออยู่ด้านนอก แต่เขาถูกสังหาร ทางการซาอุดีอาระเบียให้ช้อมูลว่า มีเหตุทะเลาะกันภายใน จนแผนการส่งตัวเขากลับซาอุดีอาระเบียล้มเหลว โดยทางการตุรกียืนยันว่ามีกลุ่มคนที่เจตนาจะสังหารเขาเข้ามาในประเทศ