นายกมหาเธร์แนะ ควรสอนวิชาวิทย์-คณิตเป็นภาษาอังกฤษ ลดความชาตินิยมลงบ้าง ประเทศจะได้ก้าวหน้าและแข่งกับนานาชาติได้
เดอะสตาร์ออนไลน์รายงานว่า นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด (Dr Mahathir Mohamad) วัย 94 ปี ของมาเลเซียได้กล่าวในระหว่างการประชุมรัฐสภาในวันนี้ โดยได้ระบุถึงบางกลุ่มที่เป็นหัวอนุรักษ์นิยมระบุว่า ควรละทิ้งความคลั่งชาติด้วยการเปิดรับการเรียนรู้ภาษาต่างชาติบ้าง เพื่อให้เตรียมความพร้อมให้เยาวชนมาเลย์สามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ในอนาคต
"มันยากนะที่จะหาผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญใหม่ๆแปลเป็นภาษาประจำชาติของเรา หากเรายังมัวแต่ไม่เปิดกว้างเรียนรู้ภาษาอื่นๆบ้าง .. ในมุมมองของผม แนวคิดชาตินิยมเท่าให้เรามีแนวโน้มอนุรักษ์ภาษาถิ่นมากขึ้น ประเทศที่ประชาชนเอาแต่ยืนกรานอนุรักษ์ภาษาถิ่นของพวกเขา .. หากพวกเขาไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆบ้างประเทศจะไม่ก้าวหน้า"
นายกมหาเธร์กล่าวต่อที่ประชุมสภาเนื่องจากต้องการผลักดันให้การเรียนการสอนในโรงเรียนทั่วมาเลเซียโดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ไอที และเอไอ ให้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ PPSMI ซึ่งนโยบายดังกล่าวเริ่มใช้มาตั้งแต่สมัยมหาเธร์เป็นนายกฯในปี 2003 ก็มีผู้คัดค้านเรื่อยมาว่าต้องการให้ใช้ภาษาบาฮาซามาเลเซีย ในการเรียนการสอน เพราะเป็นภาษาแม่ของมาเลเซีย ไม่ใช้ภาษาของอดีตเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ
ดร.มหาเธร์ยังได้กล่าวย้ำว่าผู้ที่ไม่ได้เรียนรู้ในภาษาที่เป็นแหล่งของความรู้เช่นภาษาอังกฤษนั้นจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
"การรู้ภาษาอังกฤษในแง่ของการสอนและการเรียนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเป็นภาษาสากลที่จำเป็นสำหรับการจัดการ และการบริหาร" เขายังกล่าวพร้อมเสริมว่าการเรียนรู้ภาษานั้นช่วยในการเพิ่มโอกาสการจ้างงานด้วยเช่นกัน
ดร.มหาเธร์ยกตัวอย่างด้วยว่า นักศึกษามาเลย์ที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศ นอกจากเรียนภาษาอังกฤษแล้ว ยังต้องศึกษาภาษาอื่นๆเช่นกันอย่างเยอรมัน รัสเซีย หรืออาราบิก
ดร.มหาเธร์ยังระบุอีกว่า การค้นพบและความก้าวหน้าในอนาคตนั้นจะเกิดขึ้นในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ บนพื้นฐานของการรู้ภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ แม้จะหนุนให้เรียนคณิต-วิทย์เป็นภาษาอังกฤษ แต่นายกมหาเธร์ยืนกรานว่า เด็กนักเรียนก็ยังได้เรียนภาษาถิ่นเช่นกัน และใช้ภาษาถิ่นมาเลย์ในชีวิตประจำวัน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่นายกมหาเธร์กลับคืนสู่อำนาจในปี 2018 นั้น ได้ผลักดันการใช้ภาษาอังกฤษในทุกภาคส่วน ไม่เว้นแม้แต่ส่วนราชการ ที่ได้เผยแนวคิดจัดทดสอบทักษะความรู้ด้านภาษาอังกฤษ แก่เจ้าหน้าที่รัฐ และข้าราชการระดับสูงของรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ เนื่องจากมีความจำเป็นอย่างมากในการติดต่อกับต่างชาติ รวมถึงยังสะท้อนภาพลักษณ์ของรัฐบาล และคุณภาพในระบบการศึกษาของประเทศด้วย
ทั้งนี้ จากการจัดอันดับของดัชนีวัดความรู้ภาษาอังกฤษ หรือ EF English Proficiency Index (EF EPI) ในปี 2017 พบว่า ทักษะภาษาอังกฤษของประชากรชาวมาเลเซียอยู่ในอันดับที่ 13 ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 53 จากทั้งหมด 80 อันดับของโลก
- มหาเธร์ ประกาศชัด ชาวอิสราเอลไม่ควรมามาเลเซีย
- มหาเธร์ โมฮัมหมัด เผย7เคล็ดลับอายุยืน ในวัย 93 ปี
- ดร.มหาเธร์ ตอบรับ ร่วมงาน 72 ปี ปอเนาะบ้านตาล
- สาวๆกรี๊ด! มาเลย์ตั้งหนุ่มวัย 25 เป็นรมต.อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์
- เปิดประวัติการศึกษา 4 นายกฯไทย แต่ละคนเรียนที่ไหนกันบ้าง มาดูกัน
- มหาเธร์ เยือนไทย จับตาจุดเปลี่ยนไฟใต้
- ต้องฟัง ! มหาเธร์ อดีตผู้นำมาเลเซีย ชี้ 'ซีไอเอ' ร่วมสมคบคิด ปกปิดชะตากรรม MH370
- มหาเธร์ ลั่น! ช่วยโรฮิงยา จี้ผู้นำอาเซียน หยุดกดขี่ชนกลุ่มน้อย
- “วันนอร์” ลั่นพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี
- ผู้นำศาสนาบีบ สาวประเภทสอง เจ้าแม่วงการเครื่องสำอางมาเลย์ ให้กลับมาเป็นผู้ชาย
ที่มา: www.posttoday.com