การโจมตีทางอากาศและปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในลิเบีย ทำให้มีผู้เสียชีวิต
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นได้แถลงประณามการโจมตีศูนย์กักกันผู้อพยพทาจูรา (Tajoura) ทางตะวันออกของกรุงตริโปลี และ “ขอย้ำให้ทุกฝ่ายเร่งผ่อนคลายสถานการณ์ และยอมรับข้อตกลงหยุดยิง”
พล.อ. คอลิฟาร์ ฮัฟตาร์ ซึ่งควบคุมพื้นที่ทางภาคตะวันออกของตอนใต้ของลิเบีย ได้นำกำลังพลมุ่งหน้าสู่กรุงตริโปลีตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. เพื่อชิงเมืองหลวงของประเทศจากรัฐบาลแห่งข้อตกลงแห่งชาติ (GNA) ซึ่งยูเอ็นให้การสนับสนุน
การโจมตีทางอากาศและปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วราว 1,000 คน บาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และยังทำให้ชาวลิเบียกว่า 100,000 คนต้องละทิ้งบ้านเรือนหนีตาย
เมื่อค่ำวันอังคาร (2) ศูนย์กักกันผู้อพยพในย่านทาจูราของกรุงตริโปลีถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนักจนมีคนตายถึง 53 คน ซึ่งรัฐบาล GNA ออกมากล่าวโทษว่าเป็นฝีมือกองกำลังฮัฟตาร์
โจแอล มิลล์แมน โฆษกองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ในกรุงเจนีวา ระบุว่า มีเด็กผู้อพยพ 6 คน เสียชีวิตในเหตุโจมตีดังกล่าว
ชาติมหาอำนาจมีความเห็นไม่ลงรอยว่าควรจะตอบสนองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร โดยทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียยังคงปฏิเสธที่จะประณามนายพลฮัฟตาร์
ทั้ง ฮัฟตาร์ และรัฐบาล GNA ต่างก็มีมหาอำนาจเพื่อนบ้านหนุนหลังอยู่ทั้งคู่ โดยฝ่ายฮัฟตาร์นั้นได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอียิปต์มานานหลายปีแล้ว ขณะที่ตุรกีก็จัดส่งอาวุธเข้าไปช่วยรัฐบาล GNA เมื่อเร็วๆ นี้
“คณะมนตรีความมั่นคงขอเรียกร้องให้รัฐสมาชิกทุกประเทศเคารพมาตรการห้ามเคลื่อนย้ายอาวุธ (arms embargo) และขอให้ทุกประเทศจงอย่าแทรกแซงความขัดแย้ง หรือใช้มาตรการใดๆ ที่จะทำให้สงครามลุกลามบานปลาย” คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นระบุในถ้อยแถลง
ยูเอ็นเรียกร้องให้มีการตั้งทีมสืบสวนอิสระเพื่อพิสูจน์ว่าฝ่ายใดอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีศูนย์กักกัน ซึ่งมีผู้อพยพอาศัยอยู่ประมาณ 600 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจากประเทศแถบแอฟริกา