แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค
แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบายโค้งสุดท้าย ‘ประเทศไทยต้องรวย ด้วยพลังประชารัฐ’ ซึ่งเป็นการประกาศพันธสัญญา 3 ด้าน ประกอบด้วย คนไทยต้องรวยด้วยความสงบ รวยด้วยความสุข และรวยด้วยความหวัง
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เราเห็นสัญญาณบางอย่างของความคิดที่แตกต่างกันของกลุ่มการเมือง การรวยด้วยความสงบถือเป็นพื้นฐานจำเป็นอย่างแรกที่ต้องมี หากขาดสิ่งนี้ ความสุขและความหวังจะมาไม่ถึง ไม่ว่าพรรคการเมืองใดที่นำเสนอนโยบายก็จะไปไม่ถึงดวงดาว จุดยืนของพรรคจะไม่เป็นคู่ขัดแย้งตั้งแต่วันแรก แม้จะมีหลายฝ่ายผลักให้เราไปเป็นคู่ขัดแย้ง ยิ่งการเมืองแบ่งเป็นสามก๊กอย่างนี้ เราขอแสดงจุดยืนการหาทางออกให้กับประเทศ ลดการเกิดเงื่อนไขที่เป็นข้อจำกัด เราขอยืนหยัดในจุดยืนที่เป็นฝ่ายปรองดอง พาทุกคนออกสู่ความขัดแย้ง
นายสนธิรัตน์กล่าวอีกว่า พลังประชารัฐยืนหยัดเคารพกติกา ไม่วิพากษ์วิจารณ์กติกา ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญหรือกติกาโดย กกต. หากทุกฝ่ายเข้าสู่การเมือง วิพากษ์วิจารณ์กติกา จะล้มล้างกติกา นี่คือจุดแรกของการเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การที่ไม่มีกติกา วันนี้ขอเตือนความจำทุกคน จำได้หรือไม่ เรียกร้องขอคืนอำนาจให้ประชาชน เรียกร้องและยอมรับกติกา เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง อย่าเปลี่ยนคำพูด อย่าตั้งกติกาเป็นเงื่อนไขการเมือง และการตัดสินทั้งหมดอยู่ในกรอบกติกาและการตัดสินใจของประชาชน โดยพรรคเรามีจุดยืนมุ่งมั่นอย่างยิ่ง ไม่ชักนำคนกลับไปสู่วังวนความขัดแย้ง ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศเลย หากหลังการเลือกตั้งไม่ว่าฝ่ายใดชนะ และนำประเทศกลับไปสู่วังวนแห่งความขัดแย้ง เราต้องหยุดและพอ เพราะประเทศบอบช้ำจากความขัดแย้งมาสิบกว่าปี เราไม่เอาอีกแล้ว ความขัดแย้งและการแบ่งแยกประชาชน ขออย่านำประเทศกลับไปสู่วาทกรรมของความขัดแย้ง และเราไม่สร้างวาทกรรมของความขัดแย้งมาอย่างต่อเนื่อง อีกสิ่งหนึ่งที่เสนอจุดยืนคือ เราจะไม่นิรโทษกรรมคนผิด คนผิดจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมมีความศักดิ์สิทธิ์ และนี่คือสูตรสำเร็จของการพาคนไทยกลับมารวยความสงบ
ด้าน นายสุวิทย์ กล่าวว่า นโยบายรวยความสุข นอกเหนือความขัดแย้ง ปมที่สำคัญที่ต้องแก้ไขคือความเหลื่อมล้ำ ทำให้เกิดความเท่าเทียม จึงนำไปสู่ความสุข โดยเราจะเดินหน้าบัตรประชารัฐ ซึ่งจะเป็นคำตอบของการลดความเหลื่อมล้ำ นอกเหนือจาก 14.5 ล้านคน เราจะต้องดำเนินนโยบายเพิ่มคนเพิ่มสิทธิ์ให้มากขึ้น นอกจากนั้นเราจะดำเนินนโยบายหมดหนี้มีเงินออม โดยเริ่มจากการพักหนี้ พักดอกเบี้ยกองทุนหมู่บ้าน ฟื้นฟูเติมทุนสร้างโอกาสกับประชาชน รวมถึงนโยบายมารดาประชารัฐ ที่เป็นนโยบายที่ทำให้ทุกคนเกิดมาแล้วต้องมีคุณภาพ ดูแลเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ขณะเดียวกันเราพร้อมจะเดินหน้านโยบายประชารัฐสร้างคน คนสร้างชาติ โดยเน้นการทำนโยบายดูแลคนตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา
ขณะที่นายอุตตมเปิดเผยพันธสัญญาสุดท้ายที่ต้องการทำให้คนไทยรวยด้วยความหวัง ราคาผลผลิตทางการเกษตรต้องได้รับการดูแลบางช่วงเวลา เช่น ข้าวเจ้า 12,000 บาทขึ้นไปต่อตัน, ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทขึ้นไปต่อตัน, อ้อย 1,000 บาทขึ้นไปต่อตัน, ยางพารา 65 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม, มันสำปะหลัง 3 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม และปาล์มต้องทำให้ได้ราคาเป้าหมายที่ 5 บาทขึ้นไปต่อกิโลกรัม ทั้งหมดต้องทำได้ เพราะเกษตรกรประสบปัญหามาเยอะ เราต้องยื่นมือไปช่วยฉุดเขาขึ้นมาก่อน ให้ทุกคนรวยอย่างมั่นคง ยั่งยืน
ขณะที่เราจะผลักดันค่าแรงงานขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อวัน อาชีวศึกษา 18,000 บาทต่อเดือน และปริญญาตรี 20,000 ต่อเดือน ทั้งหมดไม่สูงเกินไป เผลอๆ อาจจะต่ำเกินไป หรือไม่ก็ไม่ทราบ นโยบายเราเน้นเรื่องคุณภาพ ต้องทำให้คนมีความหวัง ในส่วนผู้ใช้แรงงานเราจะดูแลเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
ส่วนพนักงานเงินเดือนจะได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ในทุกขั้นบันได หมายความว่า คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 2,000,000 บาทต่อปี ไม่ต้องเสียภาษี นอกจากนั้นเราจะยกเว้นภาษีเด็กจบใหม่ 5 ปี ยกเว้นภาษีค้าขายออนไลน์ 2 ปี ส่วนผู้ประกอบการ SME ล้มแล้วต้องลุกได้ ต้องได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ยกระดับขีดความสามารถร้านค้าโชห่วย ใช้ดิจิทัลรวมกลุ่มผู้ค้าให้มีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิต พร้อมรับสินเชื่อ 1 ล้านบาทต่อโชห่วยเพื่อปรับตัว
ขณะที่ในภาพรวม เราจะสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพิ่มรายได้ประเทศเป็น 19 ล้านล้านบาท ภายในปี 2565 ด้วยการปฏิรูปเศรษฐกิจดิจิทัล ขับเคลื่อนภาคการเกษตรฐานรากที่ยั่งยืน สร้างการลงทุนเพื่อเกิดการสร้างงานครั้งใหญ่ เพิ่มรายได้เป็น 2 ล้านล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ท่องเที่ยว 4.5 ล้านล้านบาท และสร้างรายได้เศรษฐกิจฐานราก 2 ล้านล้านบาท
ส่วนแผนการเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ เราได้วางแผนการหาเงินผ่านการดำเนินการ 7 เรื่องสำคัญ เช่น ปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษี ปฏิรูปการบริหารสินทรัพย์ของประเทศ เน้นการลงทุนร่วมกับเอกชน เพื่อลดภาระงบประมาณของรัฐ ทั้งหมดนี้จะทำให้ประเทศมีเงินเพิ่มเพื่อนำไปใช้ในเรื่องอื่นประมาณ 1.24 ล้านล้านบาทต่อปี
นายอุตตมกล่าวด้วยว่า นโยบายทั้งหมดเราไม่ได้ทำแบบเลื่อนลอย เพราะเราดูแล้วว่าจะใช้เงิน เราก็หาเงินเป็นและทำได้จริง นี่คือภาพรวมทั้งหมดที่เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน ประเทศไทยต้องรวย ด้วยพลังประชารัฐ
คุณอาจกำลังสนใจสิ่งนี้
- ‘บิ๊กตู่’ รอดอีก! มติเอกฉันท์ ‘หัวหน้าคสช.’ไม่ใช่จนท.อื่นของรัฐ อ้างคำวิจฉัยศาลรธน.
- เปิดรายชื่อ กรรมการบริหารพรรค ไทยรักษาชาติ ตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี
- กกต.ย้ำเตือน!!! ลงคะแนนให้ผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติ นับเป็นเป็นบัตรเสีย
- ด่วน! อนุมัติ อาหมัด ลาออกจากสนช.
- 'ธนาธร' โพสต์ล่าสุด หลังกระหึ่มโซเชียล จะพาทักษิณกลับบ้าน
- ม.อ.โพล เผยคนใต้เชียร์ “ธนาธร” นั่งนายกฯ แซง “อภิสิทธิ์” เลือก “อนาคตใหม่” มากกว่า “ประชาธิปัตย์”
ที่มา thestandard