สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มีการประชุมผู้ตรวจฯเพื่อพิจารณาวินิจฉัยถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 มี.ค. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มีการประชุมผู้ตรวจฯเพื่อพิจารณาวินิจฉัยถึงกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอให้ตรวจสอบพร้อมเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองวินิจฉัยว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ การที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จึงเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 88 มาตรา 89 และมาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 98 (15) หรือไม่
โดยผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 5/2543 เกี่ยวกับความหมายของคำว่า “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ซึ่งเคยบัญญัติไว้ในมาตรา 109 (11) ของรัฐธรรมนูญ 40
ต่อมาเวลา 11.45 น. นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงว่า ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุติเรื่องดังกล่าว ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เรียกชื่ออย่างอื่น ซึ่งมีสถานะ ตำแหน่งหน้าที่ หรือลักษณะงานทำนองเดียวกันกับพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น
นายรักษเกชา กล่าวต่อว่า โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้ 1.ได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งตามกฎหมาย 2. มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการหรือหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติงานประจำ 3.อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของรัฐ 4.มีเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทน ตามกฎหมาย…”
ทั้งนี้คำว่า “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” เป็นถ้อยคำเดียวกันกับที่บัญญัติไว้ในมาตรา 98 (15) รัฐธรรมนูญ ว่า จะต้องมีสถานะ ตำแหน่งหน้าที่ หรือลักษณะงานทำนองเดียวกันกับพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะต้องมีลักษณะครบถ้วนทั้ง 4 ประการตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อพิจารณาถึงสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช.แล้ว แม้ว่าจะมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการหรือหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายและปฏิบัติงานประจำ โดยมีเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนตามกฎหมายก็ตาม
แต่ตำแหน่งดังกล่าวได้รับแต่งตั้งโดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหัวหน้าคสช. บริหารราชการแผ่นดินตามประกาศแต่งตั้งหัวหน้าคสช.ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 ซึ่งมิใช่เป็นการได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งตามกฎหมาย หากแต่เป็นการได้รับแต่งตั้งที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง การควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ
ประกอบกับตำแหน่งหัวหน้าคสช.ไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของรัฐ หากแต่เป็นตำแหน่งที่ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม รวมถึงการบริหารราชการแผ่นดิน
ซึ่งเป็นความจำเป็นในช่วงที่จะต้องเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในประเทศไปสู่สถานการณ์ปกติ อันเป็นการเข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศในช่วงระยะเวลาหนึ่งจนกว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปโดยบทเฉพาะกาลมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญ ก็ยังคงให้การรับรองอำนาจนี้อยู่
โดยบัญญัติให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญจะเข้ารับหน้าที่
แสดงให้เห็นได้ว่าตำแหน่งหัวหน้าคสช.มิได้มีสถานะ ตำแหน่งหน้าที่ หรือลักษณะงานทำนองเดียวกันกับพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ และมิได้ลักษณะครบถ้วนทั้ง 4 ประการตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. จึงมิได้มีสถานะเป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ตามที่มีการร้อง
นายรักษเกชา กล่าวอีกว่า ดังนั้นการที่กกต.ประกาศรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ จึงเป็นการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 13 และมาตรา 14 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กรณีนี้จึงไม่มีเหตุที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครอง เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา 23 พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่คำวินิจฉัยดังกล่าวออกไปแล้วอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ นายรักษเกชา กล่าวว่า ตอนพิจารณาคำร้องผู้ตรวจฯก็พยายามมองในหลาย ๆ มุม แต่เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กรตามรัฐธรรมนูญมาตรา 211 วรรคสี่ ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ ยืนยันว่าผู้ตรวจพิจารณาบนพื้นฐานของข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
- ม.อ.โพล เผยคนใต้เชียร์ “ธนาธร” นั่งนายกฯ แซง “อภิสิทธิ์” เลือก “อนาคตใหม่” มากกว่า “ประชาธิปัตย์”
- ทูลกระหม่อมฯ ทรงตอบIG หลังยุบพรรคไทยรักษาชาติ
- ย้อนชมคลิป สาเหตุพิธีกรสาวช่อง 9 โดนปลดฟ้าผ่า เซ่นรายการ ดีเบต
- นี่แหละอนาคตใหม่ เพจพรรคตอบชัด ลูกเพจสาวสวย ข้อความถามป้ายหาเสียงน้อยไปมั้ย คำตอบเล่นเอายิ้มไม่หุบ
- วันนอร์ พร้อมเป็นนายกฯ ประกาศยังไหวขอทำหน้าที่นายกฯเหมือน มหาเธร์
- น้าหงา คาราวาน โพสต์ อยู่ในคุกก็ยังเป็นคนไทย ดีกว่าต้องหนีไปอยู่ต่างแดน!
- ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ทรงตอบคอมเมนต์ถึงฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์
- เมื่อ 19 ปีก่อน “ธนาธร” คืนชายผมยาวที่ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่เพื่อปกป้องชาวบ้าน
- เปิด ของใช้ “ทูลกระหม่อมหญิงฯ” ใน “พระที่นั่งบรมพิมาน”
- โดนร้องขัดระเบียบ จ่อชงยุบพรรคแพ็คคู่ ไทยรักษาชาติ - เพื่อไทย
ที่มา: www.khaosod.co.th