จากกรณี รทปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมแกนนำได้เดินทางเข้ายื่นบัญชีรายชื่อผู้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
จากกรณี ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมแกนนำได้เดินทางเข้ายื่นบัญชีรายชื่อผู้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ในนามของพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดย ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า พรรคได้เสนอชื่อ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคเพียงรายชื่อเดียวเนื่องจากพรรคได้พิจารณาบุคคลที่มีความเหมาะสม และพรรคเห็นว่าทูลกระหม่อมหญิงฯ เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และมีความเหมาะสมที่สุด ทรงช่วยเหลือประชาชน ทรงเห็นความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งพระองค์ทรงงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด และพระองค์ทรงมีพระเมตตาให้เสนอชื่อและให้เกียรติตอบรับเป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค
“หลังจากที่ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติและประกาศรับรองแล้ว ก็จะแถลงความชัดเจนในการลงพื้นที่หาเสียงต่อไป ส่วนที่มองความได้เปรียบเสียเปรียบนั้น เป็นเรื่องของประชาชนที่จะพิจารณา ยืนยัน ทุกอย่างเป็นตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดที่ให้ทุกพรรคการเมืองมีสิทธิ์ที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค พร้อมกันนี้ ยังมองว่าเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าพรรคจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการลงคะแนนเสียงของประชาชน และพรรคมีนโยบายที่ชัดเจนว่ามีจุดยืนเป็นประชาธิปไตย”
ต่อมาสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ได้เผยแพร่พระบรมราชโองการ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยในประกาศระบุถึงการอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมืองโดยที่จะไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ดังนี้
สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกฉบับรวมทั้งฉบับปัจจุบัน มีหมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ เป็นการเฉพาะ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รองรับสถานะพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่เหนือการเมืองและทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิด กล่าวหา หรือฟ้องร้อง พระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญดังกล่าวย่อมครอบคลุมถึงพระราชินี พระรัชทายาทและพระบรมราชวงศ์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ ดังที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจร่วมกับพระองค์หรือแทนพระองค์อยู่เป็นนิจ ดังนั้นพระราชินีพระรัชทายาท และพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ จึงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย และไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆ ในทางการเมืองได้ เพราะจะเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ล่าสุดมีรายงานจากกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ออกมาเปิดเผยกับทีมข่าวการเมือง สำนักข่าวทีนิวส์ ถึงกรณีแคนดิเดตบัญชีนายกรัฐมนตรีพรรคไทยรักษาชาติเมื่อมีการส่งมาให้แค่รายเดียวและมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติไม่สามารถใช้เป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีตัวแทนของพรรคได้แล้วนั้น โดยตามกฏหมายทางพรรคไทยรักษาชาติไม่สามารถส่งคนใหม่เข้าไปทดแทนได้แล้ว ซึ่งทางกกต.จะมีการประชุมกันถึงเรื่องนี้
“กฎหมายเขียนไว้ ส่งใหม่ไม่ได้ รวมทั้งส่งแล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้ด้วย นอกจากเสียชีวิต ถามว่าเมื่อเกิดกรณีแบบนี้ก็ไม่ได้แล้ว เพราะเปิดรับวันเมื่อวานคือวันที่8กพ.เป็นวันสุดท้าย กฎหมายจึงให้ส่งคนใหม่ไม่ได้แล้ว”
คุณอาจกำลังสนใจสิ่งนี้
- ‘ธนาธร’ ลั่น อนาคตใหม่ ไม่มีวันยกมือโหวตนายกฯที่ไม่ได้เป็นส.ส.
- บิ๊กตู่ลั่น ไม่เจรจาทักษิณหนีคดี เย้ย อย่าไปให้ค่าคนอยากเลือกตั้ง จะมีกันสักกี่คน!
- อภิสิทธิ์ ลั่น ! ขอลาออก หาก ประชาธิปัตย์ ได้ ส.ส.ต่ำกว่า 100
- ย้อนเผยลายเซ็น “ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ”ลงพระนามรับด้วยพระองค์เอง
- ชัดเจนเลย เผยเหตุผลที่แยกเป็น 3 พรรค ‘แยกกันเดินร่วมกันตี เก็บทุกคะเเนน’
ที่มา tnews