กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนในโลกออนไลน์ กรณี โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปรับหลักสูตรการสอนใหม่
กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนในโลกออนไลน์ กรณี โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปรับหลักสูตรการสอนใหม่ ซึ่งระบุว่า หลักสูตรดังกล่าวจะทำให้นักเรียนมีความสุขในการเรียนมากขึ้น เช่น การไม่ต้องใส่เครื่องแบบมาเรียน ไม่บังคับเรื่องทรงผม หรือ สีผม การไม่จำเป็นต้องทำความเคารพครูทุกคน ทุกเช้าไม่ต้องมาเคารพธงชาติ และสวดมนต์ แต่จะเปลี่ยนเป็นไปใช้เวลากับการโฮมรูมเพื่อสื่อสารกันระหว่างครูกับนักเรียนแทน
รวมถึงการปรับเปลี่ยนวิชาเรียน โดยถอดวิชาลูกเสือเนตรนารี เป็นการสอนวิชาเอาตัวรอดแทน วิชาเพศศึกษา ก็ถูกปรับเปลี่ยนเป็นวิชาวัยรุ่นศาสตร์แทนเช่นกัน และวิชารู้ทันการเงิน วิชาวิถีศรัทธา (ครอบคลุมทุกศาสนา) หรือวิชารู้เท่าทันสื่อ เป็นต้น ซึ่งหลักฐานใหม่นี้ผ่านการศึกษาดูงานจากทั้งหลักสูตรนานาชาติ และของหลักสูตรของไทยเอง
ต่อมา (6 กุมภาพันธ์ 2565) เพจเฟซบุ๊ก Drama-addict เผยข้อความจากผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสาธิต มธ. ยืนยันไม่ใช่หลักสูตรล้างสมอง ลูกเรียนที่นี่มา 4 ปี ไม่เคยมีวันไหนไม่อยากไปโรงเรียน เพราะที่นี่สอนสนุก สอนให้รู้จักคิด และตั้งคำถาม
เรื่องการแต่งกาย ยืนยันว่าจากที่หลายคนบอกว่า จะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมมีการแบ่งชนชั้น ซึ่งไม่จริงเลย แม้จะแต่งตัวธรรมดาก็ไม่เคยมีใครมาดูถูก ร่างกายของเราเรามีสิทธิ์ที่จะเลือกใส่อะไรก็ได้ แต่จะมีที่ให้สวมเครื่องแบบเฉพาะมีพิธีสำคัญเท่านั้น ตลอด 4 ปีที่เรียนที่นี่ไม่เคยต้องกังวลว่าต้องใส่ชุดอะไรไปโรงเรียน
เรื่องที่ว่าถูกล้างสมอง ยืนยันว่าไม่จริง โรงเรียนเปิดโอกาสให้ใช้สิทธิเสรีภาพได้เต็มที่ สอนเรื่องการเมืองหลายรูปแบบ ทั้ง เผด็จการ และ ประชาธิปไตย เสรีนิยม และ อนุรักษ์นิยม สอนแบบตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง ครูจะพูดตลอดว่า สุดท้ายแล้วไม่มีระบบไหนที่ดีที่สุด ทุกระบบมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ให้สิทธิ์เด็กตัดสินใจในความเชื่อเรื่องการเมืองเอง
เรื่องการไม่มีการสอนเรื่องพระพุทธศาสนา แม้โรงเรียนจะไม่มีการสอนเรื่องพระพุทธศาสนา แต่มีการสอนศาสนาแบบโดยรวม คือสอนรวมทุกศาสนา เพื่อให้สิทธิ์ทางความเชื่อของเด็กเอง
การไม่มีการเรียนการสอนลูกเสือเนตรนารี โรงเรียนเปิดโอกาสให้ทำงานกลุ่มอยู่บ่อย ๆ เป็นการสร้างระเบียบวินัยและการบำเพ็ญประโยชน์ เพราะเรื่องนี้ไม่ได้มาจากแค่การเรียนลูกเสือเนตรนารี อีกทั้งยังให้เด็กลงพื้นที่แก้ปัญหาจริง นำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการแก้ปัญหา อย่างการไปช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่ห่างไกลก็ทำมาแล้ว
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Prinya Thaewanarumitkul หลังมีกระแสข่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งจับตาดู เนื่องจากเกรงว่าหลักสูตรนี้อาจมีเนื้อหาบิดเบือนประวัติศาสตร์ และสถาบันได้
โดย ดร.ปริญญา กล่าวว่า ปัญหาหลักของการศึกษาของประเทศไทยคือ การเอาแต่สอนให้ท่องจำและทำตามอาจารย์สั่ง ไม่ให้ใช้ความคิด เป็นการศึกษาแบบอำนาจนิยม ที่ทำให้ประเทศไทยไม่เกิดกำลังทางความคิดและสติปัญญาแล้ว ไม่อาจพาประเทศไปที่ไหน และไม่ส่งเสริมประชาธิปไตยด้วย
เพราะเป็นการศึกษาแบบสอนให้คนเชื่อฟังผู้มีอำนาจ แม้ว่าอำนาจนั้นจะได้มาโดยมิชอบ การปฏิวัติรัฐประหารถึงยังไม่หมดไป และประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนหลักการความเสมอภาคเท่าเทียม และสิทธิเสรีภาพที่รับผิดชอบต่อส่วนรวม จึงไม่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยเสียที
ดร.ปริญญา ย้ำว่า โรงเรียนสาธิตธรรมศาสตร์ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสอนให้นักเรียน "คิด" และ "รับผิดชอบ" สอนเพื่อสร้างสติปัญญา ไม่ได้สอนให้ทำตามสั่ง ไม่เหมือนกับการศึกษาแบบที่ท่านนายกรัฐมนตรีเคยเรียนมา
ที่มา กะปุกออนไลน์