รัฐบาลเลบานอนประกาศลาออก ท่ามกลางกระแสความโกรธแค้นจากประชาชนที่เพิ่มขึ้น
รัฐบาลเลบานอนประกาศลาออก ท่ามกลางกระแสความโกรธแค้นจากประชาชนที่เพิ่มขึ้นจากเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในกรุงเบรุตเมื่อวันอังคารที่แล้ว (4 ส.ค.) ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 200 ราย
นายกรัฐมนตรีฮัสซัน ดิอับ ประกาศการลาออกทางโทรทัศน์ เมื่อคืนวันที่ 10 ส.ค.
"วันนี้เราทำตามเจตนารมณ์ของประชาชนที่เรียกร้องให้รับผิดชอบต่อหายนะที่ซุกซ่อนตัวมาถึง 7 ปี และที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง" นายดิอับ กล่าว
เขาบอกว่าการทุจริตเป็นปัญหาที่ "ใหญ่โตกว่าตัวรัฐเอง" และเป็น "กำแพงหนาม" ที่ป้องกันไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ทอม แบตแมน ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำภูมิภาคตะวันออกกล่างระบุว่า ตอนนี้ รัฐสภาจะเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งจะเป็นกระบวนการที่ทำโดยแบ่งแยกตามนิกายศาสนาตามธรรมเนียม
ก่อนหน้านี้มีรัฐมนตรีอย่างน้อย 3 คน ประกาศลาออกจากตำแหน่งจากเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น แต่มีกระแสเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ
หลายฝ่ายกล่าวโทษบรรดาผู้นำของเลบานอนว่าเป็นฝ่ายผิดในเหตุระเบิดครั้งนี้จากการกระทำที่ประมาทเลินเล่อ การทุจริต และการบริหารงานที่ผิดพลาด
ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของประเทศต่างระบุว่าเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นผลจากการระเบิดของสารแอมโมเนียมไนเตรทปริมาณ 2,750 ตัน ที่ถูกเก็บไว้ที่ท่าเรือกรุงเบรุตนานถึง 6 ปีโดยไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยใด ๆ
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลได้บุกเข้าไปตามอาคารที่ทำการกระทรวงต่าง ๆ ในย่านใจกลางเมืองหลวงเลบานอน และมีการปะทะกับตำรวจ
ขณะที่ช่วงเช้าวันที่ 10 ส.ค. รัฐมนตรียุติธรรม รัฐมนตรีข่าวสาร และรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ต่างลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่มีรายงานว่ารัฐมนตรีคลังก็กำลังเตรียมจะลาออกก่อนที่นายกรัฐมนตรีฮัสซัน ดิอับ จะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี
เว็บไซต์ข่าว อัล-มาร์ซาด ออนไลน์ รายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายมาร์วาน อับบูด ผู้ว่าการกรุงเบรุตที่ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดเมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่มเป็น 220 คน และอีก 110 คนยังคงสูญหาย
นายอับบูด ให้สัมภาษณ์กับช่องอัล จาดีด ทีวี ว่ามีคนงานต่างชาติและคนขับรถบรรทุกหลายคนรวมอยู่ในกลุ่มของผู้สูญหาย ซึ่งทำให้การยืนยันตัวตนของพวกเขาทำได้ยากขึ้น
ขณะที่กองทัพบกเลบานอนระบุว่าได้สั่งให้ยุติปฏิบัติการค้นหาเพื่อกู้ชีพที่บริเวณท่าเรือแล้ว เพราะไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม
ขณะที่ประชาชนหลายแสนคนในกรุงเบรุตต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลายแห่งไม่มีประตูหรือหน้าต่างเหลืออยู่เลย