กลายเป็นกรณีที่โลกโซเชียลฮือฮาเมื่อมีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง พบรูปปริศนาในหนังสือเก่า และนำชื่อนามสกุลไปเสริท์ดู แต่พบว่าชื่อดังกล่าวปรากฎในเหตุการณ์หลอน
แห่เห็นด้วย เลิกปักชื่อนักเรียน หลังสาวเสิร์ทชื่อเจอคดีหลอน
กลายเป็นกรณีที่โลกโซเชียลฮือฮาเมื่อมีสมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง พบรูปปริศนาในหนังสือเก่า และนำชื่อนามสกุลไปเสริท์ดู แต่พบว่าชื่อดังกล่าวปรากฎในเหตุการณ์หลอน คดีทำร้ายและทารุณกรรมหญิงสาว ด้วยการใช้ไฟลนเหยื่ออย่างทรมาน เป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2551
ต่อมาเพจ หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พร้อมจุดประเด็นการปักชื่อ-สกุลลงไปบนเสื้อนักเรียน ว่าควรมีการยกเลิก เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เพราะปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งมีผู้แชร์และเห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าวจำนวนมาก
โดยโพสต์ระบุว่า...
"โซเชี่ยลวันนี้มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันมากมาย เกี่ยวกับเจ้าของโพสต์ท่านหนึ่งที่ไปเจอหนังสือมือสองเล่มหนึ่งมา แต่ภายในหนังสือมีรูปติดบัตรชุดนักเรียนของหญิงสาวคนหนึ่งติดมาก็เลยมีการสืบค้นเกี่ยวกับชื่อ-นามสกุลของเธอบนโซเชี่ยล จนได้ช๊อคกับสิ่งที่สืบเจอ นั่นคือเธอมีคดีทำร้ายและทารุณกรรมเหยื่อ (เชื่อว่าหลายคนคงทราบเนื้อหาจากที่แชร์ๆกันแล้ว)
แต่ประเด็นที่ดิฉันอยากจะพูดถึงก็คือ เรื่องการปักชื่อ-สกุลลงไปบนเสื้อนักเรียนค่ะ สมัยนี้การจะค้นหาข้อมูลของใครสักคนมันง่ายมากแค่รู้จักชื่อสกุล ลูกเต้าเหล่าใคร เฟซบุ๊กอะไรฯลฯ และถ้าหากเจอผู้ไม่หวังดีจะเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก น่าจะดีกว่าหากเปลี่ยนไปใช้ป้ายชื่อเข็มกลัดเมื่อเลิกเรียนก็สามารถเอาออก หรือตรวจสอบจากบัตรนักเรียนแทน และเมื่อต้องการบริจาคชุดนักเรียนต่อ ก็ไม่ต้องไปเลาะชื่อออกให้เสียเวลา ทราบมาว่าหลายๆโรงเรียนก็เริ่มให้นักเรียนไม่ต้องปักชื่อกันแล้วนะคะ"
ที่มา: www.khaosod.co.th