
บังดุล นักวิ่งจิตอาสา นักวิ่งเดือด วิ่ง 17 พันกิโลจากปัตตานีไปภูมะเขือ ส่งแรงใจทหารไทยปกป้องแผ่นดิน ขับไล่เขมร
วันที่ 30 ก.ย. 2568 นายอับดุล สารีเต๊ะ อายุ 52 ปี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า บังดุล นักวิ่งจิตอาสา ชาวอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ออกมาวิ่งอีกครั้งหลังจากห่างหายไปพักใหญ่ โดยการกลับมาครั้งนี้สร้างความสนใจให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ บังดุลเคยสร้างชื่อเสียงและแรงบันดาลใจจากการวิ่งระยะไกลจากจังหวัดปัตตานีไปถึงจังหวัดบุรีรัมย์ รวมระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 35 วัน เพื่อระดมทุนจัดซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และอุปกรณ์สำหรับสร้างบังเกอร์มอบให้แก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลชายแดน เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งภารกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
แต่ในครั้งนี้ เหตุผลที่บังดุลตัดสินใจออกวิ่งอีกครั้ง มาจากความรู้สึกไม่พอใจต่อสถานการณ์ที่ชาวเขมรกลับมารุกรานพื้นที่ชายแดนไทยอย่างรุนแรง เขาจึงตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะวิ่งจากจังหวัดปัตตานีไปยังภูมะเขือ รวมระยะทางประมาณ 1,753 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เวลามากกว่า 1 เดือน เพื่อเป็นการส่งกำลังใจให้แก่ทหารหาญที่ปักหลักปกป้องแผ่นดิน และยังแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงการยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของชาติไทย
บังดุลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า คนเขมรไม่สำนึกบุญคุณประเทศไทยแม้แต่นิดเดียว ครั้งนี้เมื่อผมไปถึง ต้องเจอดีกับผมแน่
ตลอดเส้นทางการวิ่ง ชาวบ้านในแต่ละอำเภอที่บังดุลผ่าน ต่างออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม โบกมือทักทาย พร้อมร่วมถ่ายภาพเก็บไว้เป็นความทรงจำ หลายคนตะโกนส่งเสียงเชียร์ สู้ๆ เพื่อเติมกำลังใจให้บังดุลเดินหน้าภารกิจครั้งนี้อย่างมั่นคง บางคนถึงกับฝากข้อความผ่านบังดุลไปยังชาวเขมรว่า ที่นี่คือแผ่นดินไทย ไม่มีใครสามารถรุกรานได้
ทั้งนี้ บังดุล นักวิ่งจิตอาสา ถือเป็นบุคคลที่ชาวบ้านยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเสียสละ เขามักออกมาวิ่งเพื่อระดมทุนหรือส่งกำลังใจในหลายสถานการณ์สำคัญของประเทศ สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นว่า แม้เพียงคนธรรมดา ก็สามารถทำสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อบ้านเมืองได้
อย่างไรก็ตามการกลับมาวิ่งในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการตอกย้ำเจตนารมณ์การปกป้องแผ่นดินไทยแล้ว ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าบังดุล นักวิ่งจิตอาสา ยังคงเป็นพลังใจเกินร้อย ที่พร้อมจะสู้ไม่ถอยเพื่อคนไทยทั้งชาติ
นายอับดุล สารีเต๊ะ เปิดเผยว่า ต้องการให้หน่วยงานของไทยดำเนินมาตรการชัดเจนในการป้องกันชายแดน โดยเสนอให้สร้างกำแพงอย่างด่วน เพื่อยืนยันว่านั่นคือพื้นที่ของประเทศไทย เปรียบเทียบกับแนวชายแดนฝั่งใต้ที่ติดกับประเทศมาเลเซียซึ่งมีการก่อสร้างสิ่งกีดขวางไว้แล้ว เมื่อตนเองวิ่งไปถึงภูมะเขือ พร้อมจะเผชิญหน้าและขับไล่ผู้ที่เข้ามารุกรานให้ออกไปจากประเทศ สำหรับการออกวิ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ก่อนหน้านี้เคยวิ่งไปส่งกำลังใจให้ทหารแล้ว แต่ล่าสุดนอนไม่หลับเพราะเกิดความไม่พอใจที่เห็นการรุกล้ำยังไม่ยุติ จึงตัดสินใจออกวิ่งอีกครั้งเพื่อให้กำลังใจทหารและแสดงจุดยืนต่อการบุกรุกและขับไล่เขมรออกไป
คนเขมรเป็นกลุ่มหัวรุนแรงและไม่สำนึกบุญคุณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยให้ที่พักพิงแก่ผู้คนบางกลุ่ม แต่พอคนเขมรมาอยู่แล้วก็อ้างสิทธิเป็นพื้นที่เขา อันนี้ไม่ถูกต้อง ตนเองรู้สึกเจ็บใจมาก ขอให้กำลังใจทหารไทย ส่วนเขมรเมื่อไปถึงเจอดีแน่ ผมจะไล่ให้หมด เพราะผมก็ใจร้อนเหมือนกัน ถ้าพวกคุณอยู่ในพื้นที่ผม ผมไม่ปล่อยไว้แน่
บทความที่น่าสนใจ
- วันเฉลิมถูกอุ้มที่กัมพูชาคือใคร?
- นายกฯ ฟาดแรง! ไม่แปลกใจกัมพูชาไม่แมน ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
- จวกยับ!!! อาเซียนรุมด่า ยัดห่วงกัมพูชาโอนนักบาสมะกันบู๊ซีเกมส์
- "สีหศักดิ์" โต้กลับ "กัมพูชา" พูดจากลับกลอก-ทำตัวเป็นเหยื่อ
- รุดช่วยระทึก หนุ่มติดซอกถ้ำ อดข้าวอดน้ำ4วัน4คืน ยังไม่รู้ชะตากรรม
- มาเลเซียตอบโต้กัมพูชา ยืนยันหญิงสหรัฐติดเชื้อ ลั่นตรวจ 2 รอบ ผลบวกตรงกัน
- กัมพูชาอภิปรายใน UNGA80 ร้องถูกเพื่อนบ้านคุกคาม ขอยูเอ็นช่วยลดตึงเครียด
- น็อตยิงคำถามตรง จักรภพตอบแซ่บ! “ไม่รู้ ไม่ใช่พ่อฮุนเซน” กลายเป็นไวรัล
- เด็กกัมพูชา พูดได้ 16 ภาษา ได้รับทุนการศึกษาจากนักธุรกิจใจดี รับทุนเรียนถึงปริญญาโท