กระทรวงการต่างประเทศยังคงออกเอกสารรับรองให้คนไทยและคนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศชะลอการเดินทางเข้าประเทศของคนไทยและคนต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน จนถึงวันที่ 15 เมษายน นี้
แต่ปรากฏว่า กระทรวงการต่างประเทศยังคงออกเอกสารรับรองให้คนไทยและคนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยตามปกติ และเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 3 เม.ย. 63 ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนไทยมากกว่า 100 คน เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ และปฏิเสธที่จะเข้ารับการกักตัวตามมาตรการของรัฐบาล ซึ่งจัดสถานที่ไว้รอรับที่ อ.สัตหีบ และโรงแรมอีก 2 แห่ง ในกรุงเทพมหานคร โดยอ้างว่า ไม่ทราบว่ามีมาตรการดังกล่าว
กลุ่มผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงสุวรรณภูมิเรียกร้องให้รัฐบาลส่งตัวแทนมาชี้แจง และทำท่าจะลุกลามเป็นการชุมนุมต่อต้านเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้ามาคุมสถานการณ์และเปิดการเจรจากับผู้เดินทางประมาณ 20 นาที ก่อนจะอนุญาตให้ทุกคนเดินทางกลับบ้านได้ โดยกำชับให้ทุกคนต้องกักตัวเอง 14 วัน แม้ว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขจะคัดค้าน แต่ไม่สามารถควบคุมตัวผู้เดินทางทั้งหมดได้
การเดินทางมาจากต่างประเทศของคนไทยและคนต่างชาติในระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากเมื่อกลับมาแล้วไม่ยอมกักตัว และเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ จนเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งให้มีการชะลอการเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าแม้จะเป็นคำสั่งของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ยังมีหน่วยราชการฝ่าฝืนคำสั่งและไม่ปฏิบัติตาม
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุดหลังจากที่มีการละเมิดคำสั่งทั้งคำสั่งชะลอการเดินทางเข้าประเทศ และการไม่ยอมรับการกักตัวในสถานที่รัฐกำหนด นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วนในวันพรุ่งนี้ (4 เมษายน) เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้โดยสารที่ออกไปเป็นคนที่มีไข้ด้วยซึ่งถูกกักไว้ 3 คน อาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีการกักตัวออกจากสนามบินไปด้วย