เผยนาทีสุดระทึกเสือโคร่งตัวเขื่องยาวกว่า 2 เมตรหนีไฟป่าคลองวังเจ้า ยืนจังก้า
อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า จ.ตาก ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบร่องรอยเสือโคร่งบริเวณไร่มันสำปะหลังท้ายบ้านหมู่ 10 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า ติดกับเขตป่าอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า เมื่อวานนี้(15 ม.ค.) พร้อมคุ้มครองเสือ และทำการลาดตระเวนบริเวณผืนป่าตลอด 24 ชม.เพื่อให้ความปลอดภัยทั้งคนและสัตว์ หลังได้รับแจ้งจากผู้นำหมู่บ้านว่ามีชาวบ้านพบเสือโคร่งตัวใหญ่ขณะเข้าไปขุดมันสำปะหลัง
ขณะที่นายธวัชชัย สังข์คง หนุ่มชาวไร่มันฯหมู่ที่ 7 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก อายุ 28 ปี ที่เผชิญหน้ากับเสือโคร่งตัวเขื่อง เล่าถึงนาทีระทึกที่เกิดกับตัวเองแบบที่คิดว่าจะไม่มีชีวิตรอด เมื่อต้องประจันหน้ากับเสือโคร่งตัวใหญ่ ขนาดลำตัวยาวประมาณ 2 เมตร ขณะกำลังไปขุดมันสำปะหลังในไร่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ติดกับป่าเขตอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า พื้นที่หมู่ 10 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า
หนุ่มวังเจ้าที่ต้องเผชิญหน้ากับเสือโคร่งรายนี้ บอกอีกว่าทุกปีตนจะปลูกมันสำปะหลังทิ้งไว้ในไร่ติดกับแนวป่าของเขตอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า 5-6 ไร่ เมื่อ 14 ม.ค.ขณะที่ตนกำลังสาละวนอยู่กับการก้มเก็บหัวมันสำปะหลัง ที่ขุดทิ้งไว้เมื่อ ใส่ในตะกร้าใบใหญ่ แล้วลุกขึ้นจะเดินขึ้นแปลงถัดไปที่อยู่บนเนินก็ต้องตะลึง เมื่อเห็นเสือโคร่งตัวใหญ่ ลำตัวยาวประมาณ 2 เมตร สูงเท่ากับเอวของตนเอง หรือประมาณ 110 ซม. ยืนหันมามองดูตน ในระยะห่างประมาณ 120 เมตร ทำให้ตนแทบหยุดหายใจ เหงื่อออกท่วมตัว แข้งขาอ่อนก้าวขาไม่ออก คิดในใจ..วันนี้คงถูกเสือกินแน่นอน
แต่โชคดี..ทั้งคนและเสือ ยืนจ้องกันอยู่ประมาณ 1-2 นาที เจ้าเสือโคร่งตัวใหญ่ก็ค่อยๆ เดินนวยนาดข้ามแปลงมันสำปะหลังไปอย่างช้าๆ บางก้าวก็เหยียบยอดแปลงมันฯ จนยุบเป็นรอยเท้าขนาดกว้าง 14 เซนติเมตร ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ก่อนจะเดินลับหายเข้าไปในป่าหญ้าด้านตะวันออกของยอดเนินอีกฝั่งหนึ่ง
นายธวัชชัย กล่าวว่าทันทีที่เสือโคร่งหายไปในป่าหญ้า ตนก็รวบรวมความกล้า แบกตะกร้าที่บรรจุมันสำปะหลังไว้เต็มวิ่ง มาที่รถสามล้อแดงที่อยู่ห่างไปราวร้อยกว่าเมตรโดยไม่เหนื่อยและไม่รู้สึกหนักเลย พอกลับถึงบ้านก็หยิบโทรศัพท์ แจ้ง ผู้ใหญ่บ้าน ประสานเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า เข้ามาตรวจสอบ
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ารอยเท้าก้าวแรก และแนวทิศทางการเดินเสือโคร่งตัวนี้ อยู่ห่างจากนายธวัชชัย ไม่ถึง 50 เมตร ซึ่งขณะนั้นนายธวัชชัย กำลังสาละวนอยู่กับการขุดเก็บมันสำปะหลัง ส่วนเจ้าเสือโคร่ง เห็นว่ามีคนอยู่ในแนวทิศทางการเดิน จึงเบี่ยงเส้นทางเดินตัดแปลงมันสำปะหลังไปทางทิศตะวันออกอย่างช้าๆ เหมือนจะกลัวคนเห็น จนกระทั่งนายธวัชชัย ลุกขึ้นยืนพอดี จึงเกิดการเผชิญหน้ากัน ทั้งเสือและคนต่างจ้องหน้ากัน ก่อนจะแยกย้ายเผ่นกันไปคนละทิศละทาง
ส่วนสาเหตุที่เสือโคร่งตัวนี้ออกมาจากผืนป่า คาดว่าเกิดจากสภาพพื้นที่ในผืนป่าชั้นในของเขตอุทยานฯ มีไฟป่าเกิดขึ้นบ่อยครั้ง สัตว์ป่าอพยพหนีย้ายถิ่น ทำให้เสือโคร่งตัวนี้ถอยร่นออกจากป่าชั้นใน เพื่อมาหาแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ กว่า อย่างไรก็ตาม