ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึง สส แนนซี เพโลซี
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึง ส.ส. แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประท้วงเรื่องญัตติขอถอดถอน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ว่า กระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ เท่ากับความพยายามทำรัฐประหารโดยผิดกฏหมาย
ผู้นำสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึง ส.ส. เพโลซี ในวันอังคาร รายละเอียดส่วนหนึ่ง กล่าวหาพรรคเดโมแครตว่าทำให้เกิดความวิปริต และบิดเบือนความยุติธรรม รวมทั้งใช้อำนาจในทางที่ผิด ในความพยายามถอดถอนตนออกจากตำแหน่ง
จดหมายที่ใช้หัวกระดาษทำเนียบขาว ความยาว 6 หน้ากระดาษ กล่าวอ้างว่า ผู้ที่ถูกพิจารณาในข้อกล่าวหาว่าเป็นแม่มดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ยังมีโอกาสได้รับกระบวนการที่เป็นธรรมมากกว่าตน และว่าการเดินหน้ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีของนางเพโลซี เท่ากับการละเมิดรัฐธรรมนูญ และบ่อนทำลายประชาธิปไตยอเมริกัน และกล่าวหาว่าส.ส.เพโลซีและคณะ กำลังแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ และเป็นฝ่ายที่ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมเสียเอง รวมทั้งนำพาความเดือดร้อนมาให้ประเทศ เพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
อย่างไรก็ตาม ใจความในจดหมาย 6 หน้ากระดาษของประธานาธิบดีทรัมป์ถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เพิ่มความเป็นทางการให้กับท่าทีของทรัมป์กับ ส.ส.จากพรรครีพับลิกัน ที่พยายามตอบโต้กระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งดำเนินมาร่วม 3 เดือนแล้ว ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า จดหมายนี้อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่แค่เป็นการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เท่านั้น
ด้านความคืบหน้ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคาร สมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หารือในกรอบกฎเกณฑ์และขอบข่ายสำหรับการลงมติในญัตติถอดถอนในวันพุธ โดยสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะ ซึ่งอาจจะทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันที่ถูกตั้งข้อหาเพื่อถอดถอนโดยสภาล่าง
กระบวนการไต่สวนขอถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์อย่างเป็นทางการ มุ่งเป้าส่วนใหญ่ไปที่เรื่องที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ขอให้ประธานาธิบดียูเครนตรวจสอบคู่แข่งทางการเมือง คือ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และลูกชาย ฮันเตอร์ ไบเดน ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารบริษัทพลังงานในยูเครน แลกกับความช่วยเหลือด้านการทหารกับยูเครนเกือบ 400 ล้านดอลลาร์