พรรคอนาคตใหม่ฟ้อง 7 กกต คือข้อหาประพฤติมิชอบ ที่ไม่ใช้อำนาจในการไต่สวนพยาน
วันที่ 18 พ.ย. ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า กรณีที่ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับคดีการถือครองหุ้นสื่อบริษัทวี-ลัค ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้คือ ในวันนี้ นายธนาธรได้มอบหมายให้ทีมทนายความ ไปแจ้งความต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ฟ้องร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 7 ท่าน ประกอบด้วย นายอิทธิพร บุญประคอง, นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย, นายฉัตรชัย จันทร์ไพศรี, นายปกรณ์ มหรรณพ, นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ
ส่วนข้อหาที่ฟ้องต่อ 7 กกต. คือข้อหาประพฤติมิชอบ ที่ไม่ใช้อำนาจในการไต่สวนพยานหลักฐานในการสืบหาข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ ที่นายธนาธรถูกกล่าวหาว่าถือครองหุ้นสื่อของบริษัทวี-ลัค มีเดีย
“กกต. ไม่รอให้การไต่สวน เรียกพยานเข้ามาสอบปากคำของคณะอนุกรรมการ กลับรวบรัดรีบส่งคดีไปยังศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่การไต่สวนของอนุกรรมการจะเสร็จสิ้น เป็นเหตุให้ชวนสงสัยได้ว่า กกต.เร่งรัดคดี โดยมีเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เราจึงตัดสินใจฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้งในข้อหาประพฤติมิชอบ เร่งรัดไต่สวนคดีทำให้เกิดความเสียหายต่อคุณธนาธร 2 ประการ คือ 1.การถูกระงับการเป็นสภาผู้แทนราษฏร 2.เสื่อมเสียชื่อเสียงของธนาธร เนื่องจากทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจไปแล้วว่า ธนาธรได้ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งที่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามกฎหมาย” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายธนาธร เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า กระบวนการพิจารณาของ กกต.เร่งรัดผิดปกติ โดย กกต.ชุดใหญ่ไม่รอผลจากคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเลย ซึ่ง นายธนาธร บอกด้วยว่า เมื่อ คสช.หมดอำนาจ สักวันจะฟ้อง กกต.