สาววัย 38 กินยาคุมกำเนิดเอสโตรเจนขนาดสูงยาวนานกว่า 5 ปี สุดท้ายเจอเนื้องอกในตับ
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2562 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Umaad Aegem" ได้โพสต์เรื่องราวพร้อมรูปภาพเตือนภัยสำหรับผู้หญิงที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน(มากกว่า 5 ปี) เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งเต้านมและการเกิดเนื้องอกในตับ ซึ่งสามารถกลายไปเป็นมะเร็งตับได้ โดยผู้โพสต์เล่าว่า "ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้หญิงอายุ 38 ปี ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดมามากกว่า 10 ปี หยุดการใช้ยาไปแล้วปีกว่าๆ มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้อง ทำ CT scan พบเนื้องอกในตับ ขนาด 7 ซม. รักษาโดยการผ่าตัดตับบางส่วนโดยวิธีผ่าตัดผ่านกล้อง Laparoscopic Segment 4 Hepatectomy ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 3 ชม. ครึ่ง เสียเลือดประมาณ 100 cc"
ทั้งนี้ เรื่องราวดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มียอดแชร์กว่า 8,100 ครั้ง มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมสอบถามอาการเบื้องต้นของโรคดังกล่าว สำหรับยาเม็ดคุมกำเนิด เป็นยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์โดยยับยั้งการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูก (เยื่อบุมดลูก) บางตัวมีสภาพไม่พร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน และทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้น เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิ จึงทำให้ไม่สามารถเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ในท่อนำไข่ได้ และยาเม็ดคุมกำเนิด แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
1.ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined pill) ประกอบด้วยตัวยาทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน
2.ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่มีโปรเจสตินอย่างเดียว (Minipill)
3.ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน (Postcoital pill)