เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลยังคงเลี่ยงที่จะประกาศชัยชนะ
นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลยังคงเลี่ยงที่จะประกาศชัยชนะหรือยอมรับความพ่ายแพ้ขณะปราศรัยต่อผู้สนับสนุนพรรคลิคุด (Likud) วันนี้ (18 ก.ย.) ภายหลังผลเอ็กซิตโพลบ่งชี้ว่าไม่มีผู้ใดได้รับชัยชนะเด็ดขาดในศึกเลือกตั้ง ซึ่งยังต้องรอผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการเป็นตัวตัดสิน
เนทันนาฮู กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่าจะรอผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเสียก่อน ขณะเดียวกันก็เสนอแนวคิดจัดตั้ง “รัฐบาลไซออนิสต์ที่แข็งแกร่ง” ซึ่งน่าจะสื่อความแบบอ้อมๆ ถึงรัฐบาลแห่งชาติ
ท่าทีของ เนทันยาฮู ในวันนี้แตกต่างสิ้นเชิงกับการประกาศชัยชนะอย่างฮึกเหิมเมื่อ 5 เดือนก่อน ซึ่งเขาคว้าชัยในการเลือกตั้งมาได้แบบเฉียดฉิว ก่อนจะประสบความล้มเหลวในการจัดตั้งรัฐบาลจนนำมาสู่การเลือกตั้งใหม่คราวนี้
เบนนี แกนตซ์ หัวหน้าพรรคสายกลางซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ เนทันยาฮู ระบุวันนี้ (18) ว่า จากผลเอ็กซิตโพลดูเหมือนว่านายกรัฐมนตรีผู้ครองอำนาจยาวนานที่สุดของอิสราเอลจะเป็นฝ่าย “พ่ายแพ้” แต่ก็ยังต้องรอผลนับคะแนนที่เป็นทางการ
แกนตซ์ ซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารกล่าวต่อบรรดาผู้สนับสนุนพรรคพันธมิตรฟ้า-ขาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเต็มไปด้วยความมั่นใจว่า “เรากระทำภารกิจสำเร็จแล้ว” พร้อมให้สัญญาว่าจะจัดตั้งรัฐบาลผสมแห่งชาติให้สำเร็จ
ผลการนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการพบว่า พรรคลิคุดได้ ส.ส. ระหว่าง 30-33 ที่นั่งจากทั้งหมด 120 ที่นั่งในสภา ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่พรรคฟ้า-ขาวของ แกนตซ์ ได้ ส.ส. 32-34 ที่นั่ง ซึ่งก็หมายความว่าทั้งสองฝ่ายไม่แพ้แต่ก็ไม่ชนะ และผู้ที่อาจจะเข้ามารับบท ‘คิงเมกเกอร์’ ก็คืออดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม อาวิกดอร์ ลีเบอร์แมน หัวหน้าพรรคฝ่ายขวา ยิสราเอล ไบเตนู (Yisrael Baitenu) ซึ่งคาดว่าจะได้ ส.ส.ระหว่าง 8-9 ที่นั่ง
โพลอัปเดตบ่งชี้ว่า หากปราศจากเสียงสนับสนุนจากพรรค ยิสราเอล ไบเตนู พรรคลิคุดจะรวบรวม ส.ส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมฝ่ายขวาได้เพียง 55 คนเท่านั้น ในขณะที่พรรคฟ้า-ขาวจะรวบรวม ส.ส. ได้ไม่เกิน 59 คนสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลผสมกลาง-ซ้าย
เนทันยาฮู ซึ่งมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงที่สำนักงานพรรคลิคุดในกรุงเทลอาวีฟว่า ตนมีความตั้งใจที่จะจัดตั้ง “รัฐบาลไซออนิสต์ที่แข็งแกร่ง” ซึ่งสะท้อนความมุมมองของ “คนส่วนใหญ่ในประเทศ”
ถ้อยแถลงของ เนทันยาฮู ดูเหมือนจะเป็นการเรียกร้องให้พรรคชาวยิวอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมกับรัฐบาลชุดปัจจุบันหันมาผนึกกำลังจัดตั้งรัฐบาล ขณะเดียวกันก็เป็นการข่มขวัญ แกนตซ์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาวอาหรับที่พวกขวาจัดส่วนใหญ่มองว่าไม่ซื่อสัตย์ต่ออิสราเอล
กลุ่มพันธมิตรพรรคอาหรับ (The Joint Arab List) คาดว่าจะได้จำนวน ส.ส. ระหว่าง 13-15 ที่นั่ง
ทั้งนี้ การจัดตั้งรัฐบาลผสมอาจจะยุ่งยากพอสมควร เนื่องจาก ลีเบอร์แมน ประกาศจุดยืนไม่เข้าร่วมกับกลุ่มพรรคการเมืองที่มีพวกยิวออร์โธดอกซ์สุดโต่ง ซึ่งก็คือพันธมิตรดั้งเดิมของเนทันยาฮู และยังชูนโยบายลดอิทธิพลของพรรคและนักการเมืองเคร่งศาสนาที่มีต่อชีวิตประจำวันของชาวอิสราเอล
ด้าน แกนตซ์ ก็ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมกับเนทันยาฮู หากผู้นำยิวถูกตั้งข้อหาทุจริตคอร์รัปชัน