นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สวมแว่นตาดำเปิดใจครั้งแรกหลังได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยนายสนธิเปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องใส่แว่นดำ เนื่องจากตาซ้ายบอดจากต้อหิน ส่วนตาขวาเป็นต้อกระจก พึ่งผ่านการลอกตาที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา แพทย์จึงให้ใส่แว่นตาดำ ส่วนชีวิตในเรือนจำตนอยู่อย่างเจียมเนื้อ เจียมตัว ไม่มีใครกลั่นแกล้ง และยึดหลักธรรมคำสอนอยู่กับปัจจุบัน ที่ออกมาได้เพราะปาฏิหารย์ และรู้สึกทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุด ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ รวมระยะเวลาที่ติดคุก 2 ปี 11 เดือน 27 วัน ส่วนสิ่งที่ได้รับจากในเรือนจำ คือหลักอนิจจัง
ส่วนสาเหตุที่ไม่หนีคดี เพราะพึงระลึกถึงคนรอบตัว ครอบครัว และผู้สนับสนุนอยู่เสมอ ต้องการให้เขาเหล่านั้นเดินเชิดหน้าได้อย่างสง่าผ่าเผย ส่วนตัวยังรู้สึกเสียใจที่ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ไม่ยอมไปฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา เพราะการติดคุกไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพียงแต่ต้องยอมรับว่า เราเป็นนักโทษ และที่นี่คือคุกต้องปฏิบัติตามระเบียบ ซึ่งตนเองได้ชดใช้กรรมครบทุกเม็ดทุกวินาทีแล้ว พร้อมกับถามหา “บอส อยู่วิทยา” ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
นอกจากนี้ นายสนธิ ยังกล่าวถึงการบริหารเรือนจำ โดยระบุว่าหากต้องการให้กรมราชทัณฑ์พัฒนา ต้องเอาคนนอกเข้ามาบริหาร ส่วนตัวชื่นชม พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์คนปัจจุบัน ที่มีความจริงใจ ในการแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง
ส่วนบทบาทของตนหลังจากนี้ จะไม่ออกเดินประท้วงตามท้องถนนเหมือนที่ผ่านมา แต่จะให้องค์ความรู้กับคน ผ่านทางเฟซบุ๊ก “สนธิ ลิ้มทองกุล” ขณะเดียวกัน ยังตั้งความหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง เอาประเทศเป็นที่ตั้ง ไม่เล่นพวกพ้อง ขอประชาชนอย่าไปรังเกียจเขา และอยากให้สังคมยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง เพราะไม่อยากเห็นคนทะเลาะกัน รวมทั้งเห็นใจ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ที่มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง แต่ความคิดก้าวล้ำเกินไป
ทั้งนี้ นายสนธิ ยืนยันว่า ตนเองเข้าตามกติกาและออกตามกติกา คดีที่เหลือมีเพียงคดีบุกยึดสนามบินเท่านั้น พร้อมกับให้ข้อคิดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้คิดว่ามันก็เป็นของมันอย่างนี้ แล้วมันจะผ่านไป