วันนี้อัยการได้นัดผู้ต้องหาที่เหลือมาฟังคำสั่ง โดยมีผู้ต้องหา 9 คนเดินทางมาฟังคำสั่ง ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ม.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวภายหลังแกนนำ กปปส. เข้าฟังคำสั่งทางคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ว่า
คดีนี้เป็นคดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้ดำเนินคดี และส่งสำนวนให้อัยการ ตั้งแต่ปี 2557 มีผู้ต้องหา 58 คน ขณะนั้นนายนันทศักดิ์ พูนสุข เป็นอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง 1 ราย คือ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และยกฟ้องไป 4 คน คือนายเสรี วงศ์มณฑา นายสมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ นายสนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม และนายสกลธี ภัทธียกุล โดยอัยการมีความเห็นส่งฟ้องต่อศาล ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 2557
นายประยุทธ กล่าวว่า วันนี้อัยการได้นัดผู้ต้องหาที่เหลือมาฟังคำสั่ง โดยมีผู้ต้องหา 9 คนเดินทางมาฟังคำสั่ง ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ต้องหาที่ 1 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้ต้องหาที่ 2 นายชุมพล จุลใส ผู้ต้องหาที่ 3 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ต้องหาที่ 4 นายอิสระ สมชัย ผู้ต้องหาที่ 5 นายวิทยา แก้วภราดัย ผู้ต้องหาที่ 6 นายถาวร เสนเนียม ผู้ต้องหาที่ 7 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 8 นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ ผู้ต้องหาที่ 9 อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ-ยุยงปลุกปั่น-กระทำให้ปรากฏแก่วาจาฯ อั้งยี่ ซ่องโจร-มั่วสุมกันเกิน 10 คน-ประทุษร้าย-ขัดขวางการเลือกตั้ง รวม 8 ข้อหา โดยนายสุเทพ และนายชุมพล อัยการสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ด้วย
ตามความเห็นและเหตุผลที่คณะทำงานตามคำสั่งสำนักงานอัยการคดีพิเศษที่ 28/2560 เสนอจึงมีความเห็นและคำสั่ง ตามความเห็น และคำสั่งของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษเดิม ดังนี้
1.สั่งฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ต้องหาที่ 1 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้ต้องหาที่ 2 นายชุมพล จุลใส ผู้ต้องหาที่ 3 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ต้องหาที่ 4 นายอิสระ สมชัย ผู้ต้องหาที่ 5
นายวิทยา แก้วภราดัย ผู้ต้องหาที่ 6 นายถาวร เสนเนียม ผู้ต้องหาที่ 7 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 8 นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ ผู้ต้องหาที่ 9 นาง อัญชะลี ไพรีรักษ์ ผู้ต้องหาที่ 10 นายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11 นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12 เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ต้องหาที่ 13 พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ผู้ต้องหาที่ 14 นาย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ผู้ต้องหาที่ 15 นายยศศักดิ์ โกโศยกานนท์ ผู้ต้องหาที่ 16 นายสุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ ผู้ต้องหาที่ 17 นางสาวจิตรภัสร์ กฤดากร ผู้ต้องหาที่ 19 นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ต้องหาที่ 25 นายถนอม อ่อนเกตุพล ผู้ต้องหาที่ 28 พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ผู้ต้องหาที่ 31 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ต้องหาที่ 32 นายอมร อมรรัตนานนท์ (รัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี) ผู้ต้องหาที่ 37 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ผู้ต้องหาที่ 39 พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ (พุทธะอิสระ) นายสาธิต เซกัล ผู้ต้องหาที่ 42 นายกิตติชัย ใสสะอาด ผู้ต้องหาที่ 43 นายคมสัน ทองศิริ ผู้ต้องหาที่ 44 นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ผู้ต้องหาที่ 46 นายมั่นแม่น กะการดี ผู้ต้องหาที่ 47 นายประกอบกิจ อินทร์ทอง ผู้ต้องหาที่ 48
นายนัสเซอร์ ยีหมะ ผู้ต้องหาที่ 49 นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ผู้ต้องหาที่ 50 นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ผู้ต้องหาที่ 51 นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ผู้ต้องหาที่ 54 นางทยา ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 55 พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี ผู้ต้องหาที่ 56 พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ ผู้ต้องหาที่ 57
ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ยุยง หรือจัดให้เกิดการร่วมกันปิดงาน หยุดงาน กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎระเบียบแผ่นดิน หรือรัฐบาล
โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังโดยประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความ ปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน อั้งยี่ ซ่องโจร มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ผู้กระทำคนหนึ่งคนใด มีอาวุธ หรือผู้มีหน้าที่สั่งการ
และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก ร่วมกันบุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้ายร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน และร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อมิให้สามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางการเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 113, 116, 117, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกสภา พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152 ตามความเห็นและคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ (สั่ง ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2557)
2.เฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายชุมพล จุลใส ผู้ต้องหาที่ 3 นอกจากสั่งฟ้องตามข้อ (1) ข้างต้นแล้วให้สั่งฟ้องฐานร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135/1, 83 เพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ ตามความเห็นและคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการ สำนักคดีพิเศษ (สั่ง ณ วันที่ 8 พ.ค.2557)
3.สั่งฟ้องนายแก้วสรร อติโพธิ ผู้ต้องหาที่ 24 นายกิตติศักดิ์ ปรกติ ผู้ต้องหาที่ 27 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ต้องหาที่ 30 นายพิภพ ธงไชย ผู้ต้องหาที่ 33 และนายถวิล เปลี่ยนศรี ผู้ต้องหาที่ 58 ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือรัฐบาล
โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อ ความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกบฏ และเป็นผู้สนับสนุนในความผิดตามข้อกล่าวหาดังต่อไปนี้
ยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน ร่วมกันปิดงานงดจ้าง, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธเป็นหัวหน้าหรือ ผู้มีหน้าที่สั่งการและเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่ เลิก,
ร่วมกันบุกรุก โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลาง คืน และร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อไม่ให้ผู้เลือกตั้งสามารถใช้สิทธิ หรือขัดขวางหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้งหรือเข้าไป ณ ที่ลงคะแนนเลือกตั้ง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 113, 116, 117, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152 ตามความเห็นและคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ (สั่ง ณ วันที่ 8 พ.ค.2557)
4. เฉพาะนายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11, นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12 และนายอมร อมรรัตนานนท์ (รัชต์ชยุตม์ ศิรโยธินภักดี) ผู้ต้องหาที่ 37 นอกจากสั่งฟ้องตามข้อ (1) ให้สั่งฟ้องร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 358 เพิ่มเติมอีก เนื่องจากพยานหลักฐานยืนยันว่าได้ร่วมกันบุกรุกกระทรวงต่างประเทศ ทำให้เสียทรัพย์ โดยทำให้ประตูรั้วได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดังกล่าวแก่ผู้ต้องหาที่ 11, ที่ 12 และที่ 37 ให้ครบก่อนฟ้องคดีด้วยและให้จัดการตามเสนอ
- ด่วน! คดีกบฏ กปปส. ล่าสุด ยกฟ้องรอด เผยหลักฐานอ่อน
- “รังสิมันต์ โรม” โพสต์เหน็บแรง ค่ายทหารไทยเหมือนแดนสนธยา
- “รังสิมันต์ โรม” โพสต์เหน็บแรง ค่ายทหารไทยเหมือนแดนสนธยา
- แม้ถูกต่อต้านอย่างหนัก นักวิชาการชี้ มุสลิมใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นราว “สามหมื่นคน” ทุกปี
- รัฐบาลใหม่ลั่น! เตรียมปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน
- เผยทำไม สหรัฐฯ-อิหร่าน จึงเป็นศัตรูคู่แค้น
- เปิดรายชื่อ คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน 2562 ในฝันของใครหลายคน มาแล้ว!!
ที่มา: www.prachachat.net