บนเส้นทางการเมืองอันแสนยาวนานเปิดประวัติ "ชวน หลีกภัย" นักการเมืองฉายา "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง" ซึ่งล่าสุดได้นั่งเก้าอี้ "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" คนใหม่
บนเส้นทางการเมืองอันแสนยาวนาน...เปิดประวัติ "ชวน หลีกภัย" นักการเมืองฉายา "มีดโกนอาบน้ำผึ้ง" ซึ่งล่าสุดได้นั่งเก้าอี้ "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" คนใหม่
หลังจากผลการลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ปรากฏว่านายชวน หลีกภัย ได้รับเลือกด้วยเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. ด้วยคะแนนเสียง 258 เสียง เอาชนะนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่ได้รับเสียงสนับสนุน 235 เสียง
ส่งผลให้นายหัวชวน นักการเมืองรุ่นลายครามแห่งพรรคประชาธิปัตย์สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการการเมืองไทย เมื่อเป็นนักการเมืองคนแรกของประเทศไทยที่ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารและประมุขฝ่ายนิติบัญญัติถึงตำแหน่งละ 2 สมัย ดังนี้
- นายกฯ สมัยแรก 23 ก.ย. 35 – 12 ก.ค. 38
- นายกฯ สมัยสอง 9 พ.ย. 40 – 9 ก.พ. 44
- ประธานสภาฯ สมัยแรก 4 ส.ค. 29 – 29 เม.ย. 31
- ประธานสภาฯ สมัยสอง —
อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 20 ของเมืองไทย เป็นนักการเมืองที่ได้รับการยอมรับนับถือให้เป็นบุคคลต้นแบบในแง่ความซื่อสัตย์สุจริตและการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย โดยในวัย 80 ปี จะครบ 81 ปีในวันที่ 28 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ชวน หลีกภัย เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มาแล้ว 16 สมัย อยู่ในสภาอันทรงเกียรติมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ปี นอกจากจะเคยนั่งบัลลังก์เป็นประธานสภาฯ มาแล้วครั้งหนึ่ง ยังเคยเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ มาแล้ว 3 สมัย
ในฝ่ายบริหาร นอกจากจะเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมา 2 สมัย ยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งว่าการและช่วยว่าการรวมแล้ว 7 กระทรวง ได้แก่ ยุติธรรม พาณิชย์ เกษตรและสหกรณ์ ศึกษาธิการ สาธารณสุข สำนักนายกรัฐมนตรี และกลาโหม พ่วงท้ายด้วยการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 5 แต่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดถึง 12 ปี
จะเห็นได้ว่าแค่ไล่เรียงประวัติอย่างย่อๆ ยังยาวเป็นหางว่าวขนาดนี้ คงไม่ต้องสงสัยเรื่องความเชื่อมั่นศรัทธาที่บุคคลในแวดวงการเมืองจะมอบให้ ชนิดที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าที่พรรคพลังประชารัฐยอมยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้เป็นของคนจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลคนนั้นต้องชื่อ ชวน หลีกภัย ขณะที่มีกระแสข่าวเพิ่มเติมด้วยว่าในวุฒิสภาก็ยอมรับและยินดีที่จะได้เห็นนายหัวชวนนั่งในตำแหน่งประธานรัฐสภา
คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของนักการเมืองผู้คร่ำหวอดในวงการเมืองจากเมืองตรังคือ ฝีปากการอภิปรายอันคมกริบ หรือที่สื่อมวลชนเคยให้คำนิยามว่า ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง คือภายใต้การพูดจาที่สุภาพนิ่มนวล แต่ในบางครั้งกลับมีถ้อยคำที่เชือดเฉือนคนฟังชนิดกระอักเลือดได้เลย
วาทะของนายชวนที่เรียกเสียงลือลั่นสนั่นไปทั่วปฐพี หากจะให้ยกมา ณ ที่นี้คงจะยาวเกิน แต่ Sanook! News ขอหยิบมาหนึ่งวลีที่ยังคงอยู่ในหัวเมื่อนึกถึงนายชวนนั่นคือ เมื่อครั้งที่นายทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วเดินหน้าทำตามนโยบายต่างๆ อย่างชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ไม่ฟังฟังเสียงคำท้วงติงไม่ว่าจะจากใครก็ตาม ครั้นสบโอกาสที่นักข่าวถามถึงประเด็นดังกล่าว นายชวนกล่าวเพียงสั้นๆ แต่ลึกซึ่งในความหมายว่า "เป็นห่วงว่าหากท่านทำอย่างนี้... ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่"
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงวันนี้ เราต่างได้เห็นกันถึงสิ่งที่เกิดกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ไม่ผิดไปจากที่อดีตนายกฯ ชวนกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านั้นหลายปีอยู่พอสมควรเลย
อย่างไรก็ตาม คงต้องเอาใจช่วยนายชวน หลีกภัย กับภารกิจหวนคืนบัลลังก์สภาในสมัยที่ 2 นี้ เพราะเต็มไปด้วยความท้าทายมากมายให้ต้องนำพาฝ่ายนิติบัญญัติในสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้สูงมากที่เราจะได้เห็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เกมชิงไหวชิงพริบในสภา ไปจนถึงการประคับประคองเรือลำที่มีชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกับภาวะทางสองแพร่ง ซึ่งหลังจากประชุมสภานัดแรกในวันนี้ไปแล้ว คงเลือกที่จะร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง และแน่นอนว่าเป็นความเสี่ยงที่พรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดในบ้านเราจะถูกตั้งคำถามถึงจุดยืน แนวคิด และอุดมการณ์ของพรรคอย่างแหลมคมไปตลอด
เป็นงานที่หนัก ยาก และโหดหินสำหรับชายร่างเล็กในวัยเกือบ 81 ที่เชื่อว่าหลายคนศรัทธาจนถึงขั้นขนามนามให้ว่าเป็น "เสาหลักต้นหนึ่งแห่งระบอบประชาธิปไตย"
คุณอาจกำลังสนใจสิ่งนี้
- ครม. ไฟเขียว ลุ้นเกษียณที่ 70 ปี
- รองฯวิษณุ พูดแล้ว สาเหตุสั่งเด้งบิ๊กโจ๊ก ฟ้าผ่า
- ตำรวจ แจงสาเหตุ ทำไมคดีธนาธร ต้องขึ้นศาลทหาร ยัน ไร้เกมการเมือง
- สรรพากร จ่อเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทก็โดน
- มิ่งขวัญงานเข้า! ลูกพรรค ลุงมิ่ง ร้องกกต.ยุบพรรคตัวเอง
ที่มา sanook