หลายคนคงจะคาดไม่ถึงว่าการ ใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น หลอดดูดน้ำ ช้อนส้อม หรือแค่ดื่มน้ำแก้วเดียวกับเพื่อน
หลายคนคงจะคาดไม่ถึงว่าการ ใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น หลอดดูดน้ำ ช้อนส้อม หรือแค่ดื่มน้ำแก้วเดียวกับเพื่อน จะนำ โรคติดต่อทางน้ำลาย มาให้ได้หลายโรค และบางโรคก็เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว ดังที่เคยปรากฏให้เห็นตามข่าวว่ามีคนเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิดเอ จากการใช้หลอดดูดร่วมกับคนอื่น กระปุกดอทคอมเลยไม่อยากให้ทุกคนชะล่าใจ หยิบยกโรคที่ติดต่อกันได้ทางน้ำลายมาบอกต่อกันดัง ๆ คราวหน้าจะได้ระวัง ไม่เผลอใช้หลอดดูดน้ำหลอดเดียวกับใคร เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เขาหรือเราอาจมีเชื้อโรคอะไรอยู่ในตัว ป้องกันไว้ดีกว่า
1.ไข้หวัด
ไข้หวัดเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายมาก แค่อยู่ใกล้คนเป็นหวัด หรือยิ่งดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้หลอดดูดน้ำร่วมกัน เราก็มีสิทธิ์รับเชื้อหวัดเข้าสู่ร่างกายได้แล้ว ถึงไข้หวัดธรรมดาจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงมาก เพราะสามารถหายได้เองภายใน 5-7 วัน แต่ก็ต้องระวังกรณีรับเชื้อไข้หวัดใหญ่เข้ามา จะมีอาการรุนแรงมากกว่าและอาจเสียชีวิตได้จากโรคแทรกซ้อน ที่เราเคยได้ยินกันก็อย่างเช่น โรคไข้หวัดใหญ่ H1N1, โรคไข้หวัดนก มาลองเช็กว่าอาการไข้หวัดใหญ่แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร เพื่อไว้สังเกตตัวเอง
2. คออักเสบ
คออักเสบก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบได้บ่อย หากเราใช้หลอดดูดน้ำหรือดื่มน้ำแก้วเดียวกับคนที่มีเชื้อแบคทีเรียกรุ๊ป เอ สเตรปโตคอกคัส ในน้ำลาย หรืออาจปนเปื้อนในน้ำมูกและเสมหะ ซึ่งเมื่อเราได้รับเชื้อสเตรปโตคอกคัสเข้าสู่ร่างกายโดยการคลุกคลี หรือใช้ของร่วมกับคนที่ป่วยเป็นโรคคออักเสบ เราจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่น เบื่ออาหาร เจ็บคอ และจะเจ็บคอมากขึ้นตอนที่กลืนอาหาร ถ้าอ้าปากดูจะเห็นว่าต่อมทอนซิลแดง มีลักษณะคล้ายหนอง มีสีเหลือง ๆ ปกคลุมบนผิวของต่อมทอนซิล และหากลองจับต่อมน้ำเหลืองที่คอจะรู้สึกว่าบวม อย่างไรก็ตามโรคคออักเสบไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร ส่วนใหญ่หายได้เองใน 7 วัน แต่ถ้าไปหาหมอ หมอจะให้ยาปฏิชีวนะมากิน ซึ่งจะช่วยให้หายเร็วขึ้นภายใน 3 วัน
3. โรคมือเท้าปาก
ได้ยินข่าวโรงเรียนประกาศหยุด 5-7 วัน หลังจากพบเด็กในโรงเรียนป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก ก็อย่าชะล่าใจว่าโรคนี้เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ เท่านั้น เพราะผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ มีสิทธิ์เป็นโรคมือเท้าปากได้ไม่ต่างกัน แค่เพียงดื่มน้ำแก้วเดียวกันกับเด็กหรือผู้ใหญ่ที่มีเชื้อ หรือแค่ไอ จามรดใส่กัน เราก็ติดเชื้อได้แล้ว
4. คางทูม
โรคคางทูมก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่พบบ่อยในเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็เป็นได้ โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มพารามิกโซ (paramyxovirus) ทำให้ต่อมน้ำลายที่บริเวณกกหูอักเสบ คางจึงบวมโต จึงเป็นที่มาของชื่อโรคคางทูม ติดต่อกันได้โดยตรงจากการไอ จามใส่กัน รวมทั้งสัมผัสน้ำลายของคนที่ป่วยเป็นคางทูม เช่น การกินน้ำและอาหารโดยใช้ภาชนะร่วมกัน
5. โรคหูดข้าวสุก
หูด มีอยู่หลายชนิด แต่ถ้าติดต่อจากการใช้ของส่วนตัวร่วมกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ผ้าเช็ดตัว รองเท้า ก็ต้องระวัง หูดข้าวสุก ให้ดีค่ะ โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum virus (MCV) ลักษณะเด่นคือ จะเป็นตุ่มเนื้อขนาดเล็ก มีสีเดียวกับผิวหนัง รูปโดม ผิวหูดเรียบเป็นมันคล้ายไข่มุก มีรอยบุ๋มตรงกลางคล้ายสะดือ เวลาบีบตุ่มออกจะได้สารสีขาวข้างในคล้ายข้าวสุก มักขึ้นตามลำตัว ท้อง แขน ขา รักแร้ ใบหน้า ดวงตา ขาหนีบ แต่จะไม่รู้สึกคันหรือเจ็บ หากเรามีภูมิคุ้มกันดี โรคนี้จะหายไปได้เองภายใน 2-9 เดือน (เฉลี่ย 2-3 เดือน) แต่หากมีโรคแทรกซ้อนอาจใช้เวลานานเป็นปี
6. โรคเริมที่ปาก
ตุ่มใส ๆ ที่ขึ้นบริเวณริมฝีปากและทำให้เรารู้สึก คัน ปวดแสบปวดร้อน ที่เรียกว่า เริม นั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes virus (HSV) ซึ่งเจ้าไวรัสที่ว่านี้จะแฝงอยู่ในน้ำลาย น้ำเหลือง หรือแม้กระทั่งอสุจิ และจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง เยื่อเมือกและเยื่อบุช่องปาก จากการดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้ของร่วมกัน รวมทั้งการจูบปาก
7. ไวรัสตับอักเสบ
ไวรัสตับอักเสบมีหลายสายพันธุ์ค่ะ ทั้งไวรัสตับอักเสบ เอ บี ซี ไปจนถึงไวรัสตับอักเสบ จี แต่ไวรัสตับอักเสบที่ติดต่อกันได้ทางอาหารและน้ำดื่มก็คือไวรัสตับอักเสบ เอ (Hepatitis A) และไวรัสตับอักเสบ อี (Hepatitis E) อาการของไวรัสตับอักเสบ เอ ที่สามารถสังเกตได้ก็คือ มีไข้ ตัวร้อน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา ท้องร่วง ปัสสาวะจะเริ่มมีสีเข้ม อุจจาระสีซีด และมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองที่เรียกว่าดีซ่าน
8. คอตีบ
ถ้ามีไข้ต่ำ ๆ เจ็บคอ เบื่ออาหาร ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไปนะคะว่าเป็นแค่หวัด เพราะอาจจะเป็นโรคคอตีบก็ได้ ซึ่งจะมีอาการร่วมกับไอเสียงดังก้อง กลืนอาหารลำบาก อาจหายใจติดขัด หอบ ชีพจรเต้นเร็ว ในรายที่มีอาการรุนแรง พิษจากคอตีบจะทำให้เกิดเนื้อตายเป็นแผ่นฝ้าในลำคอหรือหลอดลม ทำให้หายใจไม่ออก เสียชีวิตได้เลย ดังนั้นอย่านิ่งนอนใจเด็ดขาด เพราะโรคนี้แพร่จากอีกคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ด้วยการไอ จาม การใช้สิ่งของร่วมกัน หรือสัมผัสกับเสมหะของคนที่เป็นโรคคอตีบหรือคนที่ติดเชื้อคอตีบ
9. เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
โรคที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นหูหนวก ตาบอด เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตจนถึงแก่ชีวิตได้ อย่าง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ก็มีสาเหตุหนึ่งมาจากการสัมผัสและใช้สิ่งของร่วมกับคนป่วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหลอดดูดน้ำ แก้วน้ำ ช้อนส้อม บอกให้รู้ว่าเราจะชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด โดยโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และรา เมื่อติดเชื้อจะมีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง คลื่นไส้อาเจียน ชัก ตาสู้แสงไม่ได้ หากรักษาไม่ทันอาจจะมีอาการรุนแรงดังที่บอกไปข้างต้น ทว่ายังมีโรคอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกับโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบอยู่บ้าง ถ้าอย่างงั้นลองมาทำความเข้าใจโรคนี้ให้มากขึ้น เพื่อวินิจฉัยว่าเราป่วยเป็นอะไรแน่กันก่อน
10.ไข้กาฬหลังแอ่น
เชื้อที่ทำให้เกิดโรคไข้กาฬหลังแอ่นคือ Neisseria meningitidis ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่มีความรุนแรงมาก ที่น่ากลัวคือสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางการหายใจ ไอ จาม แม้กระทั่งสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ที่เป็นพาหะหรือคนที่เป็นโรคก็เสี่ยงติดเชื้อได้แล้ว โดยเชื้อจะผ่านเข้าไปทางลำคอแล้วเข้าไปในกระแสเลือด บางคนติดเชื้อแล้วไม่มีอาการก็เป็นเพียงพาหะเท่านั้น
คุณอาจกำลังสนใจสิ่งนี้
- น้ำตาโจรใต้! นาทีสำนึกต่อหน้าแม่ หลังทำแผนฆ่าเหยื่อหญิง (คลิป)
- ยูนิเซฟ เปิดความน่ากลัวของฝุ่นควัน PM2.5 ส่งผลกระทบเด็ก ทารกในครรภ์
- หมอก้อง แนะวิธีสวมหน้ากากอนามัย N95 ใส่ยังไงให้ถูก ชี้ใส่ผิด ก็ไร้ประโยชน์
- ลูกเหลือเวลา 6 เดือน พ่อแม่ตัดสินใจปิดบังเขา หลังเขาจากไป แม่เปิดอ่านไดอารี่ก็ต้องน้ำตาซึม
- จวกยับ! พ่อลากลูก คว่ำหน้าไปกับพื้น หวังดัดนิสัยดื้อ (คลิป)
ที่มา partiharn