นายซัยยิดสุไลมาน ฮูไซนี ผู้นำชีอะห์แห่งประเทศไทย ศาสนาอิสลาม นำกลุ่มผู้ชุมนุมมาประท้วงหน้าสถานทูตอิสราเอล สืบเนื่องมาจากสงครามระหว่างอิสราเอลกลุ่มฮามาส
คนไทยร่วมประท้วงหน้าสถานทูตอิสราเอล ขอความเป็นธรรมให้ฉนวนกาซา-ปาเลสไตน์
ประท้วงหน้าสถานทูตอิสราเอล,ขอความเป็นธรรม,ฉนวนกาซา-ปาเลสไตน์,อิสราเอล,
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 11.00น. ที่บริเวณ หน้าสถานทูตอิสราเอล สุขุมวิท 21 ซอย 3 หน้าอาคารโอเซี่ยนทางเวอร์ ถ.สุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพ ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง สืบเนื่องมาจากสงครามระหว่างอิสราเอลกลุ่มฮามาส
โดยมีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ดูแลความมั่นคง พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น รองผบก.น.5 และพ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี พร้อมกำลังตำรวจ 1 กองร้อย ดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ และกำลังตำรวจบก.น.5 อำนวยความสะดวกด้านการจราจร
นายซัยยิดสุไลมาน ฮูไซนี ผู้นำชีอะห์แห่งประเทศไทย ศาสนาอิสลาม กล่าวปราศรัยว่า อยากจะบอกว่าวันนี้ไม่มีศาสนา มีแต่มนุษย์ผู้รับความเป็นธรรม ปาเลสไตน์ต้องการความเป็นมนุษย์ พี่น้องยืนอยู่ข้างไหน หากมีศาสนาจะมีปัญหาทวีคูณ คำภีร์มุสลิมทั้งหมดเป็นเรือนร่างเดียวกัน คนที่อยู่ในประเทศไทยต้องเจ็บปวดด้วย
อิสราเอลได้รับอาวุธจากพันธมิตรตั้งแต่ 75 ปีที่แล้ว โดยอเมริกาให้การสนับสนุนช่วยเหลือชาวยิว เราอยู่ในประเทศไทยไม่สามารถจับอาวุธได้ แต่เราทำอะไรได้เราก็จะทำ เราเป็นคนไทยจะไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย อย่าปิดกั้นกับการกดขี่ที่รุนแรงดังกล่าวของอิสราเอล
“การยอมรับความกดขี่คือความชั่วที่ร้ายแรงที่สุด ถ้าปัญหาปาเลสไตน์ไม่จบโลกทั้งโลกต้องเจ็บปวด สหประชาชาติปกป้องสิทธิ์แค่ชาวยิว พี่น้องกลุ่มฮามาสจึงต้องสู้ถวายชีวิต แรงงานไทยถูกจับในฮามาสจะไม่ทำอันตรายกับพวกเขา และจะได้รับการปล่อยตัวโดยเร็วที่สุด แม้พวกเขาได้รับการถูกกดขี่แต่ก็ยังมีความเป็นมนุษย์ต่อสู้ แต่สื่อยังบอกพวกเขาเป็นผู้ก่อการร้าย ขอให้ใช้ความเป็นมนุษย์ตัดสิน แบ่งคนละครึ่งแต่ถูกแย่งชิง วันนี้จึงมาแสดงสัญลักษณ์ ไม่สนับสนุนการระเบิดสถานทูตอิสราเอล ขอให้ไประเบิดที่อื่น เรามีความเป็นมุสลิมคือความเป็นมนุษย์ โดยการสาปแช่งให้ความกดขี่มันหายไปต้องการพูดกับประชาชน หันหลังให้สถานทูตที่กดขี่มนุษยชาติ ขอให้อิสราเอลจงพินาศ” นายซัยยิดสุไลมาน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีองค์กรรณรงค์เพื่อความเป็นเอกภาพของปาเลสไตน์ หรือ Palestine Solidarity Campaign Thailand (PSC Thailand) และสมาพันธ์คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย โดยใจความสำคัญของการชุมนุมนี้นั้นเป็นการต่อต้านทางประเทศอิสราเอล ที่ใช้สถานการณ์ในครั้งนี้นั้นเปิดกั้นเขต ‘ฉนวนกาซา’ โดยฉนวนกาซาเป็นพื้นที่ขนาดเพียง 365 ตารางกิโลเมตรที่เป็นข้อพิพาทกันระหว่าง อิสราเอลและปาเลสไตน์ มาตั้งเเต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
จนในปี 1993 ยิตซัก ราบิน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งเชื่อมั่นว่าแนวทางการทูตน่าจะเป็นหนทางออกของความขัดแย้งที่ยืดเยื้อนี้ ได้จับมือกับ ยัสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำกลุ่ม PLO ลงนามข้อตกลงออสโล โดยหนึ่งในข้อตกลงคือ อิสราเอลอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์มีอำนาจในการปกครองตัวเองอย่างจำกัดในเขตฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ โดยหลังจากนั้นกลุ่มฮามาสซึ่งต่อต้านอิสราเอล เข้ามาแทนที่ PLO ซึ่งประนีประนอมกว่า ก็ทำให้อิสราเอลไม่พอใจ และสั่งให้ฉนวนกาซาเป็น “พื้นที่ภายใต้การปิดล้อมทางบก ทางน้ำ และทางอากาศเต็มรูปแบบ”
ด้วยเหตุนี้นั้น ฉนวนกาซาจึงเป็นเหมือนทั้งบ้านของชาวปาเลสไตน์ ในดินแดนที่พวกเขาเคยอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน พื้นที่เล็ก ๆ นี้ก็เปรียบเสมือนกรงที่คุมขังชาวปาเลสไตน์ไว้
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้อ้างว่าจากเหตุการสงครามในครั้งนี้นั้นทางอิสราเอลใช้จังหวะนี้ในการปิดล้อมบริเวณพื้นที่ดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นการปิดล้อมเพื่อจัดการกับกลุ่มฮามาสที่แฝงตัวอยู่ในพื้นที่บริเวณดังกล่าว จึงทำให้เกิดการโจมตีทางอากาศและปิดล้อมพื้นที่โดยทำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมออกมาประณามการกระทำดังกล่าว และเรียกร้องความเป็นธรรมให้เเก่เขตฉนวนกาซาและปาเลสไตน์ที่ยังไม่ได้ถูกรับรองเป็นรัฐ
โดยมีชุดตำรวจควบคุมฝูงชน ดูเเลความเรียบร้อยตลอดทั้งการชุมนุม ซึ่งการชุมนุมนั้นเริ่มในช่วง 09.00น.- 13.00น.
ทั้งนี้ผู้ที่ได้มาร่วมชุมนุมยังมี นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา พร้อมทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย เข้าร่วมในการชุมนุมด้วย
โดยนายนิติธรกล่าวว่า ได้รับเชิญจากทางกลุ่มผู้จัดการชุมนม เพื่อมาแสดงออกและให้กำลังใจแก่ชาวปาเลสไตน์ ในประเด็นในเรื่องของการถูกกดขี่จากอิสราเอล ซึ่งตนเห็นว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้น อาจจะมีผลกระทบต่อสังคมไทยในปัจจุบันได้ ฉะนั้นตนจึงตอบรับคำเชิญและรับฟังปัญหาของผู้ชุมนุมพร้อมอธิบายให้สาธารณชนได้เข้าใจเหตุการณ์ในปัจจุบันในขณะเดียวกันตนก็ตระหนักได้ว่ามีผู้ใช้เเรงงานชาวไทยและเเรงงานชาวต่างชาติอยู่ในพื้นที่สงครามเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน โดยเนื้อหาที่เเท้จริงของการชุมนุมในวันนี้นั้นคือต่อต้านการกดขี่ เหตุการณ์ของปาเลสไตน์และอิสราเอลก็เป็นเพียงตัวอย่างที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้เท่านั้นเอง หากทุกฝ่ายเข้าและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้ได้ทั่วโลกก็จะมีสันติภาพ
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า ตนเป็นผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ในทั่วทุกมุมโลกอยู่แล้ว จึงไม่สามารถตัดสินได้ด้วยเนื้อหาเพียงด้านเดียว ซึ่งชาวอิสลามทั่วโลกนั้นมี 2,000 ล้านคน เเละเป็นชาวอิสลามที่อยู่ในประเทศไทย 5 ล้านคนถ้าชาวอิสลามไม่ลุกขึ้นเพื่อชาวอิสลามที่โดนกดขี่อยู่ในนี่นั้นจะเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดในประเทศไทย ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าเเรงงานชาวไทยที่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลและต้องกลับมาเพราะสงครามนั้นก่อนได้เล่าเรื่องที่เขาพบซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อชาวอิสลาม ซึ่งเป็นคำบอกเล่าทางเดียวและเชื่อกันไปในทางเดียว ซึ่งกำลังจะบอกว่าเป็นการเชื่อคน 10,000,000 แต่ไม่เชื่อคน 2,000 ล้านหรือ โดยตอนนั้นต่อสู้ในฐานะนักเคลื่อนไหวมาตลอด ซึ่งต่อสู้กับการกดขี่ทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่ว่านักเคลื่อนไหวเหล่านั้นจะอยู่ที่ใดก็เป็นพี่น้องกัน วันนี้จึงเป็นการเเสดงออกว่าคนไทยนั้นไม่ได้ปล่อยปะละเลย
ที่มา : https://www.matichon.co.th/
บทความที่น่าสนใจ
- อิสราเอล สั่ง“แบน”ทุกชาติที่เคยมาไทย เข้าประเทศ
- เดือด! อิสราเอล-ปาเลสไตน์ ล่าสุด ทิ้งระเบิดดับ 20 เด็กครึ่งหนึ่ง
- ห้องเก็บศพล้น! ฉนวนกาซาขุดสุสานหมู่-ใช้รถไอศกรีม รองรับคนตายจำนวนมาก
- คนละอารมณ์! ไบเดนเสนอตัวพร้อมช่วยอิสราเอลทุกทาง ชาว ต.อ.กลาง หนุนฮามาส
- สำนักจุฬาฯ ชวนพี่น้องมุสลิม ละหมาดฮายัตขอพรยุติสงครามอิสราเอล