ตำรวจไซเบอร์ พร้อมกำลังคอมมานโด บุกตรวจค้นบ้าน พลตอสุรเชษฐ์ หลังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ เบื้องต้นมีตำรวจสัญญาบัตร พลเรือนกว่า 10 คนอยู่ในเครือข่าย
วันที่ 25 ก.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและคอมมานโดเข้าทำการตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ภายในหมู่บ้าน ซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ หลังพบมีส่วนเกี่ยวข้อง พ.ร.บ.การพนัน เนื่องจากพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงว่ามีการส่วนเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์
สำหรับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เกิดเมื่อ 29 ต.ค.2513 ที่ จ.สงขลา เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 31 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 47 เป็นประธานรุ่น นรต.47
เส้นทางการทำงานของ ร.ต.ต.สุรเชษฐ์ เป็นรองสารวัตร ตั้งแต่ 1 ก.พ.2537 เป็นรองสารวัตรได้ 6 ปี 1 เดือน ได้ขึ้นเป็นสารวัตร และเป็นสารวัตรได้ 4 ปี 8 เดือน ขยับเป็นรองผู้กำกับการ เป็นรองผู้กำกับการอยู่ 4 ปี จากนั้นขยับเป็นผู้กำกับการ ติดยศ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เป็น ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา โรงพักเกรดเอ
โดยขณะนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9)
บทความที่น่าสนใจ
- ส.ต.ท.หญิง ตระเวนขายรองเท้ามือสอง เลี้ยงดูพ่อแม่ แม้เงินเดือนไม่พอใช้ แต่ไม่เบียดส่วยภาษีประชาชน
- บิ๊กโจ๊ก แถลง เอาผิดกราวรูด นายกอบต.มูโนะ-จนท. เซ่น! โกดังพลุระเบิด
- กลัวถูกประชาทัณฑ์ ! ‘บิ๊กโจ๊ก’เผยผัวเมียโกดังพลุมอบตัวแล้ว สารภาพทุกข้อหา
- “บิ๊กโจ๊ก” ยันประสานออสเตรเลีย-บาห์เรนเข้าใจกันแล้ว ส่ง “ฮาคีม” ไปประเทศไหนขึ้นอยู่กับศาล
- บิ๊กโจ๊ก ชี้ที่แท้กำนันนก ปิดกล้องวงจรปิดเอง ชัดมี ตร.โกหก ช่วยพาสารวัตรแบงค์ ไป รพ.
- รองฯวิษณุ พูดแล้ว สาเหตุสั่งเด้งบิ๊กโจ๊ก ฟ้าผ่า
- ยิ่งกว่าพลุระเบิด! แฉ‘ส่วยโก-ลก’หลัง‘บิ๊กโจ๊ก’ประกาศล้างบาง ทำธุรกิจมืดระส่ำหนัก
พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้กำกับการอยู่ได้ 4 ปี 1เดือน จึงขยับเป็นรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ได้เป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา และยังเป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.สงขลา ส่วนหน้า ดูแลพื้นที่ อ.จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา จ.สงขลา 4 อำเภอพื้นที่สีแดงในพื้นที่ต่อเนื่องจังหวัดชายแดนใต้ การอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับสิทธินับอายุราชการแบบทวีคูณ แม้อายุยังน้อยแต่อายุงานเพิ่มความอาวุโส ทำให้ก้าวขึ้นเป็น พล.ต.ต. ขณะอายุไม่ถึง 45 ปี
ต่อมา 23 ก.ค.2558 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ได้เป็นผู้บังคับการ ประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าประสานนายกรัฐมนตรี ในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยทำหน้าที่นายตำรวจประสานงานใกล้ชิด "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลรับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นขยับเป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ในปี 2558
กระทั่งปี 2559 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ขยับขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 และปี 2560 ซึ่งอาวุโสอยู่ในลำดับที่ 76 ได้รับการเสนอชื่อจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. ขึ้นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และโยกมานั่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) และในที่สุดขยับขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการอายุน้อย ติดยศ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ด้วยวัยเพียง 48 ปี เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการสีกากี
และเมื่อ 6 เม.ย.2562 ถูกคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม
กระทั่ง วันที่ 9 เม.ย.2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิม ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้โอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ก่อนที่จะจะกลับมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสบ 9 ขึ้นผู้ช่วยผบ. ตรและรองผบ. ตร. ตามลำดับ