หัวใจทำด้วยอะไร! เขตพื้นที่ฯ จะเล่นงานเด็กพิการให้ครูยืมเงินเบี้ยวคืน อ้างเก็บดอกเบี้ย
หัวใจทำด้วยอะไร! เขตพื้นที่ฯ จะเล่นงานเด็กพิการให้ครูยืมเงินเบี้ยวคืน อ้างเก็บดอกเบี้ย
จากกรณี ครูสาว อายุ 27 ปี โรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.บุรีรัมย์ สังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ได้ยืมเงินเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นเด็กพิการทางการเคลื่อนไหว (เดินขาเขย่ง) ชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ไปเป็นเงิน 20,000 บาท ตั้งแต่เดือน ก.พ. 66 แล้วไม่คืนตามกำหนด ทั้งที่เงินก้อนนี้ เด็กเก็บหอมรอมริบเพื่อไว้ใช้ผ่าตัด นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากแม่เด็กว่า นิติกรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 4 ได้นัดหมายให้ครูมาจ่ายเงินจำนวนที่ค้างไว้ 15,000 บาท ที่สำนักงานเขตฯ เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึง กลับถูก รอง ผอ. มาต่อว่า ”ห้ามบันทึกภาพ” เพราะบริเวณนี้เป็นสถานที่ราชการ จะต้องทำหนังสือขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน แล้วปิดประตูห้ามผู้สื่อข่าวเข้าไปในภายในอาคาร พร้อมกับให้ รปภ. มายืมคุมนักข่าวเอาไว้ เพื่อป้องกันการถ่ายภาพ
โดยหลังจาก มีการชำระเงินกันเรียบร้อยแล้ว แม่เด็กได้ออกมากล่าวว่า ได้พาลูกสาวมาที่เขตพื้นที่การศึกษาฯ ตามนัดหมาย ส่วนฝ่ายครูสาวอายุ 27 ปี เดินทางมาพร้อมกับ ผอ.โรงเรียน จากนั้นทางสำนักงานเขตฯ ได้กล่าวหาเด็กว่า เก็บดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้ลูกสาวตกใจคิดว่าจะต้องเป็นคดีความ หันหน้ามาหาแม่พร้อมกับจับขาแม่ไว้แน่น และยังจะสอบสวนหาที่มาของเงินลูกสาวว่าเอาเงินมาจากไหน ทำไมเด็กตัวแค่นี้จึงมีเงินเก็บ จึงต้องค้นหาภาพถ่ายในเฟชบุ๊กของลูกสาวมาเป็นหลักฐานว่า
ลูกสาวหาเงินเองด้วยการขายของตามตลาดนัด รับจ้างทั่วไปทั้งซักผ้า รีดผ้า ทำความสะอาดบ้าน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงยอมให้ครูจ่ายเงิน 15,000 บาทให้ ส่วนหนึ่งก็อยากจะถามครู ตอนยืมไปยืมถึงในบ้าน ตอนคืนให้ไปเอาที่เขตพื้นที่การศึกษาฯ และมีการสอบสวนเหมือนตำรวจ
ทั้งนี้ ตนก็มีอาชีพเป็นครูเหมือนกัน มักจะสอนลูกเสมอเรื่องการทำมาหากินเพื่อให้ตัวเองอยู่ได้ ส่วนสาเหตุที่ลูกสาวมีความมุมานะ เพราะคิดว่าจะต้องหาเงินรักษาตัวเอง เนื่องจากเคยคุยกับลูกว่าการผ่าตัดขาไม่สามารถใช้สิทธิการเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ เพราะเป็นการศัลยกรรม
ขณะที่ เด็กหญิงวัย 14 ปี กล่าวว่า ตนเป็นคนชอบค้าขาย ขายทุกอย่างที่พอขายได้ รับจ้างทุกอย่างที่พอได้เงิน เพื่อเก็บเงินไว้ หวังจะไปรักษาความพิการของตัวเอง และจะเก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษา หลังจากนี้จะไม่กล้าให้ใครยืมเงินอีกแล้ว ถ้าเจอคนแบบนี้ จะตั้งใจเรียนและทำมาหากินดีกว่า
ที่มา : http://dailynews.co.th/