‘วันนอร์’เตือนสติ สส อย่าริแปลงร่างเป็น ‘งูเห่า’ ย้อนตำนานสภาวุ่น ‘เมีย-กิ๊ก’
‘วันนอร์’เตือนสติ ส.ส. อย่าริแปลงร่างเป็น ‘งูเห่า’ ย้อนตำนานสภาวุ่น ‘เมีย-กิ๊ก’
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเรื่อง “บทบาท หน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับการสนับสนุนการดำเนินงานและการให้บริการแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” ได้กล่าวปาฐกถา เรื่อง “เกร็ดปฏิบัติรัฐสภาไทย” ที่ห้องโถง ชั้น B1 อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ผ่านมา ความว่า
"ผมเป็น ส.ส.มา 44 ปี หรือ 11 สมัย ขอพูดในฐานะเป็น ส.ส.รุ่นพี่ ไม่ใช่ประธานสภา ขอพูดด้วยความเป็นกันเอง เชื่อว่ามีที่มาและที่ไปเหมือนกันคือสมัครใจเป็นผู้แทนของประชาชน และตระเวนหาเสียงสนับสนุนจากประชาชน ฐานะเจ้าของอำนาจ
การทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร คือผู้แทนเท่านั้น ส่วนประชาชนเจ้าของอำนาจที่แท้จริงไม่ได้เข้ามา ดังนั้น ต้องไม่ลืมว่าอำนาจอธิปไตยที่ ส.ส.มี มาจากประชาชน และ ส.ส.คือผู้แทนเท่านั้น หากมองว่าประชาชนคือผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งถือว่าเข้าใจผิดในหลักประชาธิปไตย หาก ส.ส.ไม่ลืม เมื่อสงสัยให้ถามประชาชนจะไม่หลงผิด หากยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง อาจจะผิดน้อยหรือไม่ผิดเลย
ดังนั้นเราเป็นตัวแทนประชาชนต้องให้ความเคารพ ให้เกียรติประชาชน เพราะเป็นตัวจริง แต่เราเป็นตัวแสดงในสภา ซึ่งจะมีตัวจริงดูเราอยู่ตลอด ยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีการสื่อสารทันสมัย ตัวจริงจะดูว่าตัวแทนที่มาแสดงนั้นแสดงตามบทบาทที่คาดหวังหรือไม่ อย่างไร และถ้าบทบาทของเราไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ตัวจริงจะเปลี่ยนตัวแสดงในรอบต่อไป และขอให้ ส.ส.รักษาความสมดุลระหว่างการทำหน้าที่ของผู้แทนและไม่ทิ้งประชาชน
เมื่อได้เป็นผู้แทน อย่าเบื่อการประชุมสภา ผมอยากให้ ส.ส.มีความตั้งใจและความพยายามในการทำงาน ทั้งความอยากเป็นรองประธานสภา อยากเป็นประธานสภา หรือรัฐมนตรี อยากให้มุ่งมั่น ตั้งใจทำงาน และผมเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ
ชีวิตผู้แทนไม่มีใครเหนือใคร เป็น 4 ปีต้องไปเลือกตั้ง ไปหาประชาชน บางคนได้กลับมาอีก แต่บางคนความพยายามไม่ถึง คะแนนไม่ถึง ไม่ได้กลับมาอีก น่าเสียดาย แต่บางคนหยุดไปเพราะแปลงร่างเป็นงูเห่า ผมอยู่ในกระบวนการนี้มานาน ไม่เคยเห็นงูเห่าหลุดเข้าสภาอีกเลย
ที่ผ่านมามี 40 คนที่แปลงร่าง ไม่เห็นได้กลับมา การเป็น ส.ส.อย่าแปลงร่าง แม้เฉพาะหน้าดูดี มีความสุข แต่ระยะยาวไม่มีใครมีความสุข และพบกับความล้มเหลว สมัยนี้ยังดีที่เปรียบเป็นงู สมัยก่อน ส.ส.ที่ย้ายพรรคถูกมองว่าโสเภณี เมื่อขายตัวก็ไปไม่รอดเหมือนกัน
มีครั้งหนึ่ง จำได้ว่าไม่ใช่เรียกว่าโสเภณี มีพรรคการเมืองหนึ่งเรียกว่า ส.ส.หนังหมา มีคนนำหมาขี้เรื้อนมาเขียนชื่อ 3 ตัวแล้วมาปล่อยหน้าสภา กลายเป็นข่าวใหญ่โต"
"ส.ส.ต้องปรับตัวตามบริบทสังคม หากไม่เปลี่ยนอาจแพ้และไม่ได้กลับเข้ามาสภาอีก สมัยก่อนมีตัวอย่างให้เห็นเช่น นายสมัคร สุนทรเวช ที่ชนะ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในพื้นที่ กทม. เขตดุสิต
นายสมัครเป็นนักพูดที่ยอดเยี่ยมมาก เคยไปฟังตอนพูดที่สนามหลวง คนไม่เบื่อ มีคนฟังเป็นหมื่นคน แต่ต้องพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดวิกฤตทางการเมืองต่อมา เพราะจัดรายการชิมไปบ่นไป ผิดถูกไม่รู้ แต่จะบอกว่าไม่ระวังก็ไม่ได้ ซึ่งเป็นฤทธิ์ขององค์กรอิสระ ตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 มี ส.ส.อภิปรายไว้เยอะว่าเอาดาบให้คนอื่นมาเชือดคอเราทำไม แต่สุดท้ายรัฐธรรมนูญปี 2540 ก็ออกมา
ช่วงที่นายสมัครเป็นฝ่ายค้านและผมเป็นประธานสภา มักมีความหนักใจ เพราะนายสมัครพูดไม่หยุด ไม่ต่ำกว่าครั้งละ 1 ชั่วโมง เนื่องจากไม่มีจำกัดเวลา บางคนออกไปทานข้าวกลับมานายสมัครยังพูดอยู่ แต่ปัจจุบันกำหนดกรอบเวลาชัดเจน 5-7 นาที
ทั้งนี้ ผมและนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ช่วยกันคิดว่า ขอให้ได้ประสิทธิภาพในการออกกฎหมาย แม้จะพูดน้อย"
"ผมมีอดีต ส.ส.ที่เคารพ คือ นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีต ส.ส.แม่ฮ่องสอน และ ส.ส.ลำปาง รวม 18 สมัย ได้เป็น ส.ส.สมัยแรก เมื่ออายุ 25 ปี ที่ จ.แม่ฮ่องสอน เหตุผลสำคัญคือเป็นผู้สมัคร ส.ส.เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นถูกตัดสิทธิ เพราะขนาดของรูปถ่ายที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งเกินขนาด
จากนั้นไปลงสมัครที่ จ.ลำปาง ได้เป็นผู้แทน 17 สมัย เคยถามถึงเหตุผล จึงทราบว่านายบุญเท่ง มีภรรยาทุกอำเภอในเขตเลือกตั้ง เพื่อให้ช่วยเป็นหัวคะแนน อย่างไรก็ดี ไม่อยากให้ผู้แทนปัจจุบันเอาแบบอย่าง เพราะอาจเกิดปัญหา เพราะมีสมัยหนึ่งที่พบว่ามีภรรยาหลวงมารอสามีที่เป็นประธานสภา แต่สามีไม่ทราบจึงพาภรรยาน้อยมาด้วย ทำให้เกิดเรื่องทะเลาะกันและถูกตีข่าวไปทั่ว
ขอเตือน ส.ส.บางคน อาจมีคนอยากเป็นเพื่อน อยากเป็นกิ๊ก แล้วไปจีบสาว สมัยก่อนมีมาดักรอที่หน้าบันไดสภา จนสุดท้ายต้องจ้างคนหล่อมาจีบ"
"ถ้าอยากเป็น ส.ส.หลายสมัยต้องทำตัวเหมือนรวงข้าว ที่เมล็ดไม่ลีบ น้อมลงดินไม่หยิ่งผยอง เหมือน ส.ส.ที่เข้าหาประชาชน ไม่ใช่ตั้งตรงแล้วเป็นนักเลงตลาด"
"และขอยกตัวอย่าง ร.ต.ฉลาด วรฉัตร อดีต ส.ส. และนักเคลื่อนไหวที่อดข้าวประท้วง ที่เผลอไปพูดขอลาออกจาก ส.ส. แม้วันรุ่งขึ้นจะเปลี่ยนใจ แต่ความเป็นผู้แทนฯพ้นจากหน้าที่เมื่อแสดงความประสงค์ แม้จะยังไม่ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาก็ตาม จึงฝากเตือน ส.ส.ทุกคนให้ระมัดระวัง
ส่วนการปฏิวัติทั้ง 13 ครั้งของประเทศไทยโดยเปลี่ยนรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่ต้องแก้ด้วยระบอบประชาธิปไตย ด้วยระบบรัฐสภา 4 ปี ไม่ดีเปลี่ยนได้ ไม่ใช่การปฏิวัติใช้อำนาจนอกระบบมาแก้ไข" ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา : https://www.matichon.co.th/