หายหน้าหายตาไปนานสำหรับนายอัยย์ เพชรทอง เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส) ที่รับบทเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันปกป้องพระพุทธศาสนา ท้าชนกับศาสนาอิสลามในทุกมิติ
อัยย์ เพชรทอง โดนลอยแพ ธรรมกายเมิน-อปพส.ไร้เงา
หายหน้าหายตาไปนานสำหรับนายอัยย์ เพชรทอง เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) ที่รับบทเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันปกป้องพระพุทธศาสนา ท้าชนกับศาสนาอิสลามในทุกมิติ รวมถึงเดินสายไปทำกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง มีการ Live ปราศรัยจนกลายเป็นคดีความที่มีการฟ้องร้อง และหนึ่งในนั้นคือการกล่าวหานายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และอีกหลายบุคคลในพรรคประชาชาติ ว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้าย
- สร้างกระแส จะถูกฆ่าก่อนมอบตัว 'อัยย์'ทำใจกล้าบุกหน้าบ้าน'วันนอร์' (คลิป)
- วันนอร์ เผย อัยย์ เพชรทอง ล้มละลายประกันตัวเองไม่ได้ เปิดหมายจับชัดๆ
- อัยย์ เพชรทอง โดนหมายจับแล้ว เบี้ยวนัดคดี วันนอร์ฟ้องหมิ่น
- นึกว่าจะแน่! อัยย์ เพชรทอง แกนนำพุทธสุดโต่ง ไร้เงาไม่มาตามศาลนัด
คดีนี้มีการฟ้องร้องกันจนศาลมีคำพิพากษาจำคุกนายอัยย์ เพชรทอง หลายคดี จนนายอัยย์ได้ทำหนังสือขอขมาต่อพรรคประชาชาติและทีมงานทุกท่าน ศาลจังหวัดยะลา บัลลังก์ 2 วันที่ 30 มิถุนายน 2566
อัยย์-ขอขมา
กระผมนายอัยย์ เพชรทอง เลขาธิการ อปพส. ซึ่งขณะนี้ได้อยู่ในเรือนจำกลางสงขลาเป็นเวลาเกือบ 5 เดือน จากคดีหมิ่นประมาทนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา โดยการตั้งคำถามว่าเกี่ยวข้องกับโจรใต้แบ่งแยกดินแดนไหม จนเป็นเหตุให้ถูกฟ้องข้อหาต่างๆ เป็นจำนวน 8 คดี
บัดนี้กระผมได้ทราบข้อมูลที่เป็นจริงแล้ว่าท่านวันนอร์ พรรคประชาชาติและทีมงานทั้งหมด ทั้งท่านทวี สอดส่อง ท่านอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ท่านกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เลยกับการสนับสนุนโจรใต้แบ่งแยกดินแดน เป็นการเข้าใจผิดของกระผมและเครือข่าย
ดังนั้น กระผมนายอัยย์ เพชรทอง และครอบครัวจึงได้ขอขมาลาโทษและขออโหสิกรรมต่อท่านวันนอร์ ท่านทวี สอดส่อง ท่านอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ท่านกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ มา ณ ที่นี้ด้วยความจริงใจและเต็มใจและรู้สึกสำนึกผิดที่ทำให้ทุกๆ ท่านเสียหาย เสียชื่อเสียง และขออโหสิมายังพรรคประชาชาติด้วยครับ
ขอแสดงความนับถือ นายอัยย์ เพชรทอง 30 มิถุนายน 2566 เวลา 16.30 น.
พรรคประชาชาติถอนฟ้อง
ในวันดังกล่าว (30 มิ.ย.2566) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะพยานโจทก์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดยะลา ในคดีหมายเลขดำที่ อ371/2565 ที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะโจทก์ ได้ยื่นฟ้อง นายอัยย์ เพชรทอง เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาท เพื่อถอนฟ้องนายอัยย์ หลังเจ้าตัวสำนึกผิด
"วันนี้คุณอัยย์ เพชรทอง ได้รับสารภาพ ยอมรับว่าสิ่งที่พูดไปไม่เป็นความจริง และขอโทษ ตอนนี้ติดมา 5 เดือน สุขภาพครอบครัวเราเห็น เมื่อเขาขอโทษ อยากกลับไปทำในฐานะพลเมืองดี เพื่อจะไปสร้างความเข้าใจ จึงได้ถอนฟ้อง ซึ่งศาลได้ทำบันทึกกระบวนการพิจารณาถอนฟ้องเป็นที่เรียบร้อย ในส่วนคดีที่ฟ้องไว้ คุณอัยย์ได้เขียนสารภาพขึ้นมาเอง ได้เขียนจดหมายอธิบายเหตุผลว่าการที่ออกมาได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก หรือสื่อต่างๆ ไม่เป็นความจริง โดยจดหมายนี้ได้มอบสำเนาให้ จะให้ภรรยาที่รู้รหัสไปโพสต์ในเฟซบุ๊กของคุณอัยย์ต่อไป"
ลูกเมียเข้าขอขมา
จากนั้น 11 กรกฎาคม 2566 นางจันทร์เต็มดวง พาเจริญ ภรรยาของ อัยย์ เพชรทอง เดินทางมาที่พรรคประชาชาติ พร้อมบุตรชาย 2 คน และอาจารย์จาตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา เข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอกราบขอขมาลาโทษกรณีที่นายอัยย์ เพชรทอง สามีของตนโพสต์หมิ่นประมาทว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นหัวหน้าโจรกบฏแบ่งแยกดินแดน ซึ่งศาลยะลาได้ตัดสินจำคุกรวม 8 ปี …. ปัจจุบันถูกขังอยู่ที่เรือนจำสงขลา
นอกจากคำกล่าวขอโทษและขอขมาต่อบุคคลต่างๆ ของพรรคประชาชาติแล้ว นายอัยย์ ยังให้สัญญาว่า กระผมขอให้คำมั่นสัญญาว่า ต่อแต่นี้ไปตลอดจนในอนาคต กระผมจะไม่ทำความเสียหายใดๆ ในทุกๆ ด้านต่อท่าน อ.วันนอร์ ท่านทวี ท่านอารีเพ็ญ ท่านกมลศักดิ์ และพรรคประชาชาติ อีกต่อไป กระผมและครอบครัวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะให้อภัย ให้อโหสิกรรมต่อกระผม ซึ่งได้สำนึกผิดอย่างจริงใจ และด้วยเมตตาธรรมของท่าน ช่วยถอนฟ้องกระผมทุกคดี ทั้งคดีเก่า คดีใหม่ ทั้งที่ศาล จ.ยะลา ศาล จ.นราธิวาส ในเร็ววันนี้ด้วยเถิด กระผมและครอบครัว และสมาชิก อปพส.ทั่วประเทศ รวมทั้งองค์กรพุทธต่างๆ ขอกราบขอบพระคุณ ท่าน อ.วันนอร์ และคณะ รวมทั้งพรรคประชาชาติมา ณ โอกาสนี้
นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส ตัวแทนรับจดหมาย กล่าวว่า ความจริงนโยบายของพรรคประชาชาติเราส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม ที่จริงแล้วเรามีความเห็นใจ คดีนี้เป็นคดีที่ยอมความได้ จะรับคำขอขมานี้ไว้พิจารณา โดยทั้งหมดมี 6 คดี และได้ถอนฟ้องไปแล้ว 3 คดี ซึ่ง 3 คดีที่ศาลตัดสินจำคุกตอนนั้นนายอัยย์ ยังไม่ได้รับสารภาพ ยังต่อสู้คดีอยู่
ใน 3 คดีศาลตัดสินลงโทษทั้งหมด ส่วน 3 คดีหลังนั้นได้มีการถอนฟ้องไปแล้ว หลังจากรับหนังสือในวันนี้จะรับไว้พิจารณา เพราะคดีนี้เป็นคดียอมความได้ ถอนฟ้องได้ ก่อนคดีจะถึงที่สุด 2 คดีแรกอยู่ในระหว่างฎีกา ส่วนอีก 1 คดี ที่ตนฟ้องอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ ซึ่งจะรับไว้พิจารณา เชื่อว่าจะมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น
ลำบากต้องย้ายมาสงขลา
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กล่าวว่า ช่วงที่นายอัยย์ ถูกจำคุกนั้นเป็นพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นเรือนจำเล็กๆ จึงต้องขังรวมกับผู้ถูกคุมขังรายอื่น ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม คดีของนายอัยย์ เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนา ทำให้ใช้ชีวิตในเรือนจำนั้นลำบาก จึงได้มีการขอย้ายมาที่เรือนจำกลางสงขลา
การที่เขาต้องเขียนหนังสือขอขมาต่ออาจารย์วันนอร์ และพรรคประชาชาตินั้นเพื่อหวังให้เกิดการถอนฟ้อง เพราะทุกวันนี้ลูกและภรรยาของนายอัยย์ ค่อนข้างลำบาก ลองสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเมื่อ 11 กรกฎาคมที่มีการยื่นหนังสือขอโทษพรรคประชาชาติอย่างเป็นทางการนั้น มีแค่ภรรยาและลูกของนายอัยย์ และอาจารย์จาตุรงค์ เป็นหลักเท่านั้น สายที่เคยเคลื่อนไหวกันในนาม อปพส.ไม่มี
“พูดง่ายๆ พี่อัยย์ถูกทิ้ง เดิมเป็นคนขับเคลื่อนหลักใน อปพส. เดินสายทั่วประเทศ Live ผ่านโลกโซเชียล ที่จริงมีคนฟ้องแกเยอะกว่านี้ แต่มือกฎหมายอาจไม่แข็งแกร่งเหมือนกับทีมของพรรคประชาชาติ ที่จริงเรื่องนี้ควรเป็นคนในทีม อปพส.ออกมาเดินเรื่องแทน เงินประกันตัวก็ไม่มี ต้องติดคุกก่อน และเมื่อย้อนกลับไปตรวจสอบในทีม อปพส. ยังคงเดินในแนวทางเดิม”
ธรรมกายก็ไม่เอา
คุณอัยย์ เคยเป็นศิษย์คนสำคัญและมีบทบาทในวัดพระธรรมกาย ศรัทธาในพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมาก ออกมาปกป้องวัดและพระธัมมชโยเมื่อครั้งเกิดปัญหาเรื่องพัวพันกับคดีทุจริตในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
เมื่อรัฐบาลตัดสินใจปิดล้อมวัดพระธรรมกายเพื่อนำตัวพระธัมมชโย มาดำเนินคดี สถานะของอัยย์ ในวัดพระธรรมกายลดลงเรื่อยๆ หลังจากที่แพ้ดีเบตกับอุ๋ย บุดดาเปลส ช่วง 24 กุมภาพันธ์ 2560 จากนั้นมีข่าวออกมาตลอดว่าเขาถูกตัดออกจากวัดพระธรรมกาย
จากปัญหาในวัดพระธรรมกายที่พระธัมมชโยถูกกล่าวโทษดำเนินคดีนั้น นายอัยย์เชื่อว่าภายในวัดพระธรรมกายเองมีหนอนภายในวัด มีการวางแผนทำไปเพื่อต้องการขึ้นมาเป็นใหญ่ในวัดพระธรรมกายแทนพระธัมมชโย มีการออกมาเปิดโปงและกล่าวหาพระผู้ใหญ่ของวัดพระธรรมกายบางรูป
การเคลื่อนไหวของนายอัยย์ ยังก้าวเข้าไปสู่การให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายกับพระสงฆ์ที่อาจถูกกล่าวโทษในกรณีเงินทอนวัด ด้วยการเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งขัดกับกฎระเบียบของมหาเถรสมาคม ทำให้วัดพระธรรมกายออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับนายอัยย์ เพชรทอง จนถึงขั้นมีคำสั่งห้ามนายอัยย์เข้าวัด
ธรรมกายช่วยทุกปีวัดชายแดนใต้
คนที่ตามข่าววัดพระธรรมกายบ่อยๆ ย่อมพอจะทราบดีว่า ไม่ว่าจะเป็นพระ หรือศิษย์วัดพระธรรมกายคนใดที่ทำให้วัดเสื่อมเสียชื่อเสียงแล้วทางวัดจะตัดออกทันที เพราะทางวัดให้ความสำคัญกับเรื่องภาพลักษณ์เป็นพิเศษ เนื่องจากชาวพุทธบางส่วนตั้งข้อสังเกตที่แนวทางของวัดพระธรรมกายอาจขัดกับแนวทางของวัดโดยทั่วไป
ที่จริงแล้วสิ่งที่นายอัยย์ ทำอยู่เรื่องการปกป้องพระพุทธศาสนาแล้วพุ่งเป้าไปที่ศาสนาอิสลามนั้น เป็นการหยิบสถานการณ์ความรุนแรงทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมาเป็นแนวทางในการต่อสู้
ซึ่งวัดพระธรรมกายได้ให้ความช่วยเหลือวัดที่อยู่ทางจังหวัดชายแดนใต้มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อ 29 พฤษภาคม 2566 พระครูสมุห์สนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แจ้งว่า วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี มูลนิธิธรรมกาย และกัลยาณมิตรทั่วทั้งโลก ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดสงขลา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนจังหวัดสงขลา จัดพิธีถวายสังฆทานแก่คณะสงฆ์ 323 วัด พิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์จากเหตุการณ์ความไม่สงบ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา) ปีที่ 19 ครั้งที่ 162 และพิธีมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ปีที่ 16 ครั้งที่ 127 จำนวน 138 กองทุน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคใต้ อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา
แนวทางของ อปพส.ค่อนข้างดุเดือด จับผิดทั้งเรื่องการสร้างมิสยิด รวมไปจนถึงตราฮาลาล ยิ่งเดินเครื่องกล่าวหากันอย่างรุนแรง แบบนี้ยิ่งทำให้คนพุทธที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ยิ่งลำบาก ไม่ต่างไปจากการเพิ่มความขัดแย้งให้คนในพื้นที่ แต่โชคดีที่คนพุทธและมุสลิมในจังหวัดชายแดนเข้าใจสถานการณ์ดีจึงไม่เกิดปัญหาเรื่องความแตกแยก
สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนสอนคนได้เป็นอย่างดีว่า เมื่อใดที่ท่านยังมีประโยชน์ทุกคนพร้อมจะใช้คุณ จะยกยอปอปั้นให้กลายเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าแค่ไหนก็ทำได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะหลงหรือคล้อยตามกับสิ่งเหล่านั้นหรือไม่ และพิจารณาถึงสิ่งที่ทำด้วยว่า ถูกต้อง เหมาะสม หรือผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะในวันที่คุณถูกดำเนินคดี คุณถึงจะเห็นว่าใครเป็นมิตรแท้ ใครเป็นแค่คนหลอกใช้คุณ และเมื่อคุณหมดประโยชน์พวกเขาก็จะทิ้งพวกคุณไป
อัยย์ เพชรทอง’ เขียนจดหมายขอขมา วันมูหะมัดนอร์ มะทา 5 ก.ค.66
อัยย์ เพชรทอง’ เขียนจดหมายขอขมา วันมูหะมัดนอร์ มะทา 5 ก.ค.66
ที่มา: mgronline.com