มาเลเซียประกาศคำสั่งล็อกดาวน์อย่างเต็มกำลัง ประชาชนกระทบหนัก จึงพร้อมใจกันยกธงขาว หวังช่วยเหลือกันเองให้อยู่รอด
มาเลเซียประกาศคำสั่งล็อกดาวน์อย่างเต็มกำลังตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ด้วยความหวังให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ทว่ายอดผู้ติดเชื้อใหม่หลังล็อกดาวน์กลับพุ่งขึ้นสูงต่อเนื่อง มากไปกว่านั้นมาเลเซียยังประสบกับภาวะการตรวจหาเชื้อไม่ทั่วถึง ส่งผลต่อตัวเลขที่ปรากฎอาจน้อยกว่าความเป็นจริงได้ ส่วนประชาชนกระทบหนัก จึงพร้อมใจกันยกธงขาว หวังช่วยเหลือกันเองให้อยู่รอด
ล็อกดาวน์ที่ผู้ติดเชื้อพุ่งสูง
เมื่อเดือนพฤษภาคมก่อนประกาศมาตรการล็อกดาวน์ รัฐบาลมาเลเซีย ภายใต้การนำของ มุห์ยิดดิน ยัสซิน (Muhyiddin Yassin) นายกรัฐมนตรี ด้วยนโยบาย “MCO 3.0” หรือ Movement Control Order 3.0 เป็นนโยบายของรัฐที่ใช้เพื่อจำกัดการเคลื่อนที่ของประชาชน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นโยบายจำกัดการเคลื่อนที่ดังกล่าวไม่สามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตได้ ดังนั้นรัฐบาลจึงสั่งล็อกดาวน์เต็มกำลังตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน เป็นต้นมา
ตั้งแต่มาตรการล็อกดาวน์เริ่มบังคับใช้ มาเลเซียกลับเผชิญกับสถานการณ์ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ได้น้อยลงแต่อย่างใด สเตรทไทมส์รายงานว่า ในเดือนพฤษภาคมมีจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4,000 รายและมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 20 รายต่อวัน แต่เมื่อประกาศล็อกดาวน์ ตัวเลขเฉลี่ยผู้ติดเชื้อกลับพุ่งสูงขึ้นถึง 7,600 รายต่อวันและเสียชีวิตเฉลี่ย 70 รายต่อวัน
ท่ามกลางการระบาดของสายพันธุ์เดลตา สถิติดังกล่าวอาจไม่ใช่ตัวเลขที่ใกล้เคียงจำนวนที่แท้จริง เนื่องจากมาเลเซียกำลังประสบกับปัญหาการตรวจหาเชื้อไม่ทั่วถึง กล่าวคือเมื่อครั้งนโยบาย MCO 3.0 ยังประกาศใช้ สถิติการทดสอบหาเชื้อพบว่า มีสัดส่วนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 5% จากผู้ทดสอบทั้งหมด แต่หลังจากการประกาศล็อกดาวน์ พบสัดส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นที่ 8% จากจำนวนผู้ทดสอบทั้งหมด ดังนั้นจึงหมายความว่าการทดสอบหาเชื้อยังไม่สามารถทำให้ติดตามสถิติที่แน่นอนของการแพร่ระบาดทั้งหมดได้
การที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงต่อเนื่อง สาเหตุอีกประการคือ คำสั่งล็อกดาวน์ที่อนุญาตให้ธุรกิจ 17 ภาคส่วนและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เปิดทำการได้ 60% ของการเปิดทำการปกติ อาซมิน อาลี (Azmin Ali) รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจเผยว่า คลัสเตอร์ทั้งหมด 507 คลัสเตอร์ตั้งแต่ประกาศล็อกดาวน์ เป็นคลัสเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับโรงงานอุตสาหกรรมถึง 195 คลัสเตอร์ อีกทั้งข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า จำนวนพนักงานโรงงานกว่า 1 ใน 4 ที่เข้ารับการตรวจหาเชื้อมีผลเป็นบวก จึงยังส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง
อาบู บาการ์ สุไลมาน (Abu Bakar Sulaiman) ตัวแทนสมาคมการแพทย์ชั้นนำของมาเลเซียได้กล่าวถึงปัญหาของการล็อกดาวน์ครั้งนี้ว่ามีช่องว่างของระบบอยู่ อีกทั้งยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและต้องครอบคลุมประชากร รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการตรวจหาเชื้อ ติดตาม แยกกักตัว
มาเลเซียมีประชากรรวมทั้งสิ้นราว 32 ล้านคน ปัจจุบันมีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว 8% จากจำนวนประชากรทั้งหมด และมีผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วหนึ่งโดสคิดเป็น 19%
ประชาชนยกธงขาว
ขณะนี้ประชาชนมาเลเซียกำลังเดือดร้อนจากการถูกล็อกดาวน์ มีหลายส่วนที่กำลังขาดแคลนอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ ปรากฏการรายงานข่าวถึงครอบครัวหนึ่งที่ต้องรับอาหารเพียงวันละหนึ่งมื้อเพื่อพยุงให้ครอบครัวอยู่รอด จึงเกิดการเคลื่อนไหวในกลุ่มผู้ใช้เฟซบุ๊กร่วมกันติด #benderaputih แปลว่า “ธงขาว” เพื่อให้แต่ละฝ่ายแจ้งได้ว่ามีที่ใดบ้างที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ
หนังสือพิมพ์ China Press ในมาเลเซียรายงานว่า หมู่บ้านชาวประมงในรัฐเกดะห์ (Kedah) ได้รับความช่วยเหลือจากอาสาสมัครหลังจากร่วมกันปักธงข่าวในชุมชนทั้งหมู่บ้าน เนื่องจากหลายครอบครัวขาดรายได้มาแล้วกว่า 6 สัปดาห์
ภาคธุรกิจมีส่วนต่อการช่วยเหลือครั้งนี้ด้วย เช่น ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง Econsave ประกาศผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ให้ประชาชนแจ้งยกธงขาวเพื่อจะได้จัดความช่วยเหลือที่จำเป็นให้ อีกทั้งร้านกาแฟยอดนิยมและศูนย์อาหารในเมืองเปตาลิง จายา (Petaling Jaya) ได้สัญญาว่าจะให้อาหารฟรีสำหรับทุกคนหากนำกระดาษสีขาวมาด้วย
นอกจากธงขาวแล้ว ผู้ใช้ทวิตเตอร์บางส่วนยังร่วมกันติดแฮชแท็ก #bendaraHitam แปลว่า “ธงดำ” เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียัซซินลาออก
ที่มา Sanook