การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษนั้น เป็นสถานการณ์ที่เกินควบคุมแล้ว
นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ เปิดเผยว่า การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษนั้น เป็นสถานการณ์ที่เกินควบคุมแล้ว โดยพื้นที่บางส่วนของอังกฤษจะอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ไปจนกว่าจะได้วัคซีนอย่างทั่วถึง
นายแฮนค็อก ระบุว่า ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อันเป็นผลจากการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 โดยประชาชนในพื้นที่ที่ใช้มาตรการระดับ 4 ควรปฏิบัติตัวเสมือนว่าตัวเองติดเชื้อแล้ว
รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษยังกล่าวด้วยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษนั้นมีรหัสว่า VUI-202012/01 ซึ่งกลายพันธุ์ได้เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมมาก และยังไม่พบหลักฐานว่ารุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมด้วย
นับจนถึงเมื่อเช้าวันเสาร์ตามเวลาอังกฤษนั้น ชาวอังกฤษได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 350,000 ราย และหวังที่จะฉีดให้ได้ 500,000 รายภายในสุดสัปดาห์
แม้นายกรัฐมนตรีจอห์นสันและบรรดาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์เชื่อว่า วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด และไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้ทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรง หรือมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากขึ้น แต่ยืนยันว่า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการเร่งด่วน ทั้งนี้ ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อในอังกฤษพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเนื่องจากไวรัสกลายพันธุ์
จอห์นสันยังยกเลิกแผนการอนุญาตให้สมาชิกในครอบครัวจัดกิจกรรมสังสรรค์ภายในบ้านในช่วงเทศกาลวันหยุด 5 วัน รวมทั้งระบุว่า ลอนดอนและพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศที่ขณะนี้บังคับใช้กฎระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด จะเปลี่ยนเป็นกฎใหม่ระดับ 4 ที่คล้ายกับการล็อกดาวน์ทั่วประเทศก่อนหน้านี้
ประชาชนที่อยู่ภายใต้กฎระดับ 4 ซึ่งมีประมาณ 16.4 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชาชนทั่วประเทศ จะต้องกักตัวอยู่บ้าน ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เช่น ไปทำงาน ขณะที่ร้านค้าที่ไม่จำเป็น ตลอดจนถึงสถานบันเทิงและสันทนาการในร่มต้องปิดให้บริการ นอกจากนั้นยังจำกัดการรวมกลุ่มไม่เกิน 2 คนและต้องเป็นพื้นที่นอกอาคาร โดยกฎใหม่นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันเสาร์
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (16 ธ.ค.) จอห์นสันที่เคยถูกวิจารณ์ว่า รับมือวิกฤตโรคระบาดช้าเกินไป ยังคัดค้านเสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนแผนผ่อนปรนมาตรการจำกัดในช่วงคริสต์มาส โดยบอกว่า การแบนการฉลองคริสต์มาสโหดร้ายเกินไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อยู่ภายใต้กฎระดับ 4 จะไม่ได้รับอนุญาตให้สังสรรค์ในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศได้รับอนุญาตให้พบปะกับเพื่อนและครอบครัวในวันคริสต์มาสเท่านั้น
เคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้นำพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ทวีตว่า ในช่วงเวลาแห่งวิกฤตนี้ คนอังกฤษต้องการผู้นำที่เด็ดขาดชัดเจน แต่สิ่งที่ได้รับจากบอริส จอห์นสัน คือ ความลังเลสับสน
หลังจากแถลงการณ์ของจอห์นสันไม่นาน ร้านค้าที่เงียบเหงากลับคับคั่งด้วยลูกค้าที่พากันไปซื้อของขวัญคริสต์มาสและของกินของใช้ตุนไว้
ขณะเดียวกัน ประเทศอื่นๆ ในสหราชอาณาจักรที่หลายครั้งดำเนินนโยบายรับมือโควิดต่างจากอังกฤษ ออกมาประกาศมาตรการสกัดไวรัสเข้มข้นขึ้นเช่นเดียวกัน โดยสกอตแลนด์แถลงในวันเสาร์ ห้ามเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ในสหราชอาณาจักร และจะผ่อนคลายกฎเฉพาะในวันคริสต์มาสเท่านั้น
เวลส์เข้าสู่กฎระดับ 4 ตั้งแต่เที่ยงคืนวันเสาร์เช่นเดียวกับอังกฤษ แต่ยังอนุญาตให้สมาชิก 2 ครอบครัวสังสรรค์กันในวันคริสต์มาส
ทางด้านผู้นำธุรกิจเรียกร้องให้รัฐบาลให้การสนับสนุนทางการเงินฉุกเฉิน เนื่องจากคำสั่งใหม่นี้มีแนวโน้มทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง
เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป อังกฤษขณะนี้กำลังเผชิญการระบาดของไวรัสโคโรนารอบใหม่ เฉพาะวันเสาร์พบผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 27,052 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 2 ล้านคน และเสียชีวิต 534 คน ทำให้ยอดรวมเป็นกว่า 67,000 คน
แพทริก วอลแลนซ์ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษ แถลงว่า การระบาดอย่างรวดเร็วในขณะนี้เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ คือ VUI202012/01 ซึ่งทำให้จำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งพรวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คริส วิตตี้ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษ เผยว่า ได้แจ้งเรื่องนี้กับองค์การอนามัยโลก (ฮู) แล้ว และกำลังวิเคราะห์ข้อมูลต่อ พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงหรือมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากขึ้น และไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้น้อยลง
นอกจากอังกฤษแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่พบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาทิ แอฟริกาใต้ที่แถลงเมื่อวันศุกร์ (18 ธ.ค.) ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทำให้เกิดการระบาดรอบสองในขณะนี้
ขณะนี้ สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติเป็นการฉุกเฉินสำหรับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และโมเดอร์นา อิงค์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิน กุปตา จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นว่าวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติในขณะนี้จะให้การป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้หลายสายพันธุ์
"ผมมีความเชื่อว่าวัคซีนที่เรามีในขณะนี้จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากอังกฤษ นอกเหนือจากสายพันธุ์เดิมที่เราได้ทำการศึกษามานานหลายเดือน"
"วัคซีนเหล่านี้มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษในการผลิตแอนติบอดีที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งผมไม่คิดว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในระดับยีนของไวรัสจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในระยะใกล้" เขากล่าว
อย่างไรก็ดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์กุปตากล่าวว่า ผู้ผลิตวัคซีนรุ่นใหม่อาจจะต้องทำการปรับปรุงเพื่อให้รองรับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เช่นเดียวกับการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ต้องมีการปรับปรุงเช่นกัน
ทางด้านนายแพทย์วิเวก เมอร์ธี ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากนายโจ ไบเดน ให้เป็นว่าที่เจ้ากรมการแพทย์ทหารสหรัฐ ก็ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เช่นกัน
"ไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่าวัคซีนจะไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ และยังไม่มีหลักฐานแสดงว่าไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวมีความร้ายแรงมากกว่าสายพันธุ์เดิม"
"สำหรับประชาชนทั่วไป การสวมหน้ากากอนามัย การรักษาระยะห่างทางสังคม และการหมั่นล้างมือ ยังคงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19" นายแพทย์เมอร์ธีกล่าว