ล่าสุดเช้าวันนี้ศาลแขวนปัตตานีได้พิพากษาจำคุกโต๊ะครู 2เดือน ปรับอีก 8 พันบาท สร้างความตกใจให้กับสังคมมุสลิมในพื้นที่เป็นอย่างมาก
เปิดใจ มูหัมมัดรอมลี เจ้าของปอเนาะปัตตานี ศาลจำคุก 2 เดือน
จากกรณีสถาบันถูก สำนักงานการศึกษาเอกชนหนองจิก(สช.หนองจิก)ฟ้องกรณีไม่ได้รับอนุญาตเปิดการเรียนการสอนทั้ง ๆที่บาบอ หรือ โต๊ะครูเพียงสอนอบรมในเรื่องศาสนาอิสลามโดยไม่คิดค่าตอบแทน หวังเพียงที่จะให้เยาวชนมีศาสนาเป็นที่ยึดเหนียวจิตใจ จะได้เป็นคนดีของสัวคมในการดำเนินชีวิต
จนกระทั่งล่าสุดเช้าวันนี้ศาลแขวนปัตตานีได้พิพากษาจำคุกโต๊ะครู 2เดือน ปรับอีก 8 พันบาท สร้างความตกใจให้กับสังคมมุสลิมในพื้นที่เป็นอย่างมาก และทุกคนก็ยอมรับผลการตัดสินของศาล แต่ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายมูหัมมัดรอมลี เจะยะ บาบอหรือโต๊ะครูโรงเรียนอัลอูลูมุลอิสลามมียะห์ หรือ บาบอรอมลี ชือมา ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เปิดใจกับทีมข่าวว่า แรกๆก่อนเกิดเรื่อง วันที่ 18 มิถุนายน 62 สำนักงานการศึกษาเอกชนหนองจิก จังหวัดปัตตานี แจ้งข้อหา เปิดปอเนาะไม่มีใบอนุญาต วันที่ 24 มิถุนายน 62 พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหาจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต วันที่ 11 ตุลาคม 62 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปัตตานี ขึ้นศาลมาแล้ว 4 ครั้ง วันนี้ ศาลนัดอ่านคำพิพากษา ตัดสินคดี จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงอาญา 2 ปี
“ที่ต่อสู้เพราะต้องการหาความเป็นธรรมให้ตัวเอง เพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เราเป็นคนสอนคนให้เป็นคนดี แต่เขามาใส่ความว่าเราผิด เราไม่ได้ทำธุรกิจ ไม่ได้เอาเงินจากเด็ก ไม่ได้มีเงินสนับสนุนจากไหนเลย สำนักงานการศึกษาตั้งหากที่ต้องให้เงินกับเรา จุดนี้ที่รับไม่ได้”นายมูหัมมัดรอมลี กล่าว
หลังจากนี้จะดำเนินการเรื่องเอกสารที่ดินต่อ เพื่อยื่นขอขึ้นทะเบียน เพราะก่อนที่จะถูกดำเนินคดีก็อยู่ระหว่างดำเนินการแต่มาถูกดำเนินคดีก่อน
ด้านนายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายมุสลิม จ.ปัตตานี กล่าวว่า ศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาลงโทษจำเลย หมายเลขคดีอ.ดำ 813/2562 นายมูหัมมัดรอมลี เจะยะ โรงเรียนอัลอูลูมุลอิสลามมียะห์ ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงอาญา 2 ปี จากเหตุ
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ได้มีเหตุการณ์ระเบิดที่ตลาดนัดบ่อทอง ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้มีการควบคุมัวผู้ต้องสงสัยตามกฎหมายพิเศษ 2 คน คือ นายอาซิ มีนา และนายอับดุลรอเซะ สลาวะ และได้มีการดำเนินคดีทั้งสองต่อศาลจังหวัดปัตตานี โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 สืบเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าว ข้อมูลทางการข่าวอ้างว่าหลังเกิดเหตุ ผู้ต้องสงสัยได้หลบหนีไปอยู่ในปอเนาะ หรือโรงเรียนอัลอูลูมุลอิสลามมียะห์ (ปอเนาะชือมา) ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวบาบอเจ้าของปอเนาะ คือ นายมูฮัมหมัดรอมลี เจะยะ ไปทำการซักถาม ที่ ค่ายอิงคยุทธบริหาร และได้ปล่อยตัวในภายหลัง เนื่องจากเห็นว่าบาบอไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่ต่อมาทางสำนักงานการศึกษาเอกชนอำเภอหนองจิก (สช.หนองจิก) ได้มีคำสั่งให้ปอเนาะดังกล่าวหยุดการเรียนการสอนศาสนา เนื่องจากไม่มีใบรับอนุญาต หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาบาบอ นายมูฮัมหมัดรอมลี เจะยะ และพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดปัตตานี ในข้อหา จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มาตรา 20, 147 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 813 /2562 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี โจทก์ กับนายมูฮัมหมัดรอมลี เจะยะ จำเลย ศาลได้ทำการสืบพยานโจทก์และจำเลยเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 โดยนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ ที่ 16 กันยายน 2563
นายทรงพล ขวัญชื่น อดีต ผอ.สช.จ.ปัตตานี กล่าวว่า เราต้องมาดูก่อนว่าโรงเรียนนอกระบบหรือในระบบ ปกติ จะต้องขออนุญาตก่อน ที่นี้ทั้งสองโรงเรียนต้องขออนุญาตก่อนตามหลัก ให้เป็นโรงเรียนที่ถูกต้อง ส่วนโรงเรียนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนก็ ถือว่าเป็นโรงเรียนเถื่อน แต่ถ้าขึ้นป้ายคำว่าโรงเรียน ที่นี่เราก็ห่วงสิทธิ์ตรงนี้ และพอกระทบกับเด็ก ขึ้นชื่อเป็นโรงเรียนต้องแจ้งความดำเนินคดี
เคสนี้ถือเป็นเคสแรกในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการฟ้องร้อง ปกติ เมื่อเจอเคสลักษณะนี้ สช.พื้นที่จะลงไปตรวจสอบและแนะนำ ตักเตือนมากกว่า ที่จะมีการฟ้องร้อง
จริงๆเรื่องนี้ ก่อนที่จะเกษียณ ได้ให้สช.พื้นที่ลงไปที่ ปอเนาะพบว่า ไม่ได้จดทะเบียน จากนั้นเขามาขอขึ้นทะเบียนแล้วเราไม่อนุญาตเพราะมีปัญหาเรื่องเอกสารที่ดิน มี นายภานุ อุทัยรัตน์ สว. มาหารือกันให้ช่วยเหลือ ก็ได้แนะนำ ให้ไปดำเนินการในเรื่องเอกสารที่ดิน แล้วให้มาขึ้นทะเบียน ต่อมามีประเด็นคนทำผิดไปอยู่ปอเนาะ ทหาร ตามไปเจอในนั้นก็กลายเป็นโรงเรียนเถื่อน ต่อมา นายอำเภอหนองจิกและ สช.พื้นที่ ก็ ลงไปดู และได้หาทางออกให้แล้ว ก่อนที่จะเกษียณ แต่ไม่ทราบเลยว่าเรื่องมาถึงขันฟ้องร้อง
ที่มา: thebangkoktimes