นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ได้เปิดใจบอกเล่า เรื่องราวอาการป่วยของตัวเอง พร้อมพูดถึง ฮากีม สามีชาวต่างชาติของตนเองว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ
นุ๊ก สุทธิดา เคลียร์ดราม่า ทำไมพูดถึงสามีไม่ดี หลังป่วยเป็นมะเร็ง
นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ได้เปิดใจบอกเล่า เรื่องราวอาการป่วยของตัวเอง พร้อมพูดถึง ฮากีม สามีชาวต่างชาติของตนเองว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ และยังคิดว่าตนทำการแสดงละคร แถมยังพูดจาไม่รักษาน้ำใจว่า จะร้องไห้ทำไมยังไม่ตาย
- 'นุ๊ก สุทธิดา' เปิดใจเศร้า สามีไม่เชื่อป่วยมะเร็ง
- นุ๊ก สุทธิดา ตรวจเจอเซลล์มะเร็ง แฟนคลับแห่ให้กำลังใจ
- อัพเดทอาการ นุ๊ก สุทธิดา หลังเข้ารับผ่าตัด
ซึ่งงานนี้ก็มีชาวเน็ตบางคนมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า เพราะอะไร นุ๊ก สุทธิดา ถึงได้พูดถึงสามีในมุมเช่นนี้ ซึ่งล่าสุด ผู้สื่อข่าวบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ก็ได้เจอสาวนุ๊ก เลยขอสัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็เปิดเผยว่า
คนมองว่า ทำไมถึงต้องพูดถึงสามีในมุมนั้น?
ต้องบอกก่อนว่า อันนี้ไม่ใช่ความผิดของนางนะ ต้องเข้าใจว่าเราคุยในมุมของเรา เราก็จะเล่าว่าสามีไม่เชื่อ แต่ถ้ามองในมุมของนางที่โดนมา ตลอด 2 ปีที่เราทำยิมมา นุ๊กก็ไม่ได้ปล่อยให้เขากลับบ้านเลย
เพราะมันมีเหตุผลว่า นุ๊กทำยิม และยิมมันขาดทุนตลอด มีเขาคนเดียวจริงๆ ที่ทำให้เกิดการขาดทุนที่น้อยลง ถ้าวันไหนไม่มีเขา ยิมจะขาดทุนหนักมาก เพราะฉะนั้นนุ๊กปล่อยให้เขากลับบ้านไม่ได้แม้แต่วันเดียว
ตัวฮากริมเขาไม่มีวันหยุดเลยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และเขาทำงานหนักมาก เขาก็คงเข้าใจว่าเรากีดกันไม่ให้เขากลับบ้านมาตลอด 2 ปี และวันที่น้องสาวเขาจะแต่งงาน ดันไปบอกก่อน 1 เดือนว่าป่วยเป็นมะเร็ง
มันเป็นความรู้สึกที่แบบ 2 ปีไม่ให้เขากลับบ้านเลย เขาอาจจะคิดว่ามันมีอะไร ว่าเราไม่ชอบครอบครัวเขา ครอบครัวเขาคงไม่ดีรึเปล่า อันนี้ในมุมที่นุ๊กคิดนะคะ พอน้องจะแต่งงานก็มาบอกว่าไม่สบาย จะตาย ก็เลยเกิดการไม่เชื่อ
แต่พอหลังจากที่เขาเห็นก้อนเนื้อแล้ว เขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่ปั้นปึงมาเป็นดีมาก ดูแลลูก ทำทุกอย่างอย่างดี เพราะคงจะรู้สึกผิด และคงรู้ว่ามันเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำ พอไม่มีเมีย เราต้องทำอะไรบ้าง 1 2 3 4
กลายเป็นว่าไม่ต้องสั่งเลย เราก็เลยรู้สึกว่า การที่เราอายุห่างกัน บางทีเรามองเขาเราก็มองแบบทำใจ มองแบบเข้าใจ และปล่อยวางมากขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงปะทะกันไปแล้ว เพราะเราก็ไม่เข้าใจ เขาก็คงอายที่จะบอกเราว่าเขาคิดแบบนี้กับเราอยู่
ใช้เวลาปรับความเข้าใจกันนานมั้ยหลังจากที่ปั้นปึงใส่กัน?
ตอนงอนนุ๊กรู้สึกว่านาน เพราะช่วงเวลาที่เรารู้สึกไม่ดี เราเลยรู้สึกว่านานมาก แต่พอเขาเห็นว่ามันเป็นเรื่องจริง เราก็เปลี่ยนของเขาเองโดยที่เราไม่ได้พูดอะไร และสิ่งนี้แหละมันถึงตอบเราว่า อ๋อ ที่ผ่านมา คิดอย่างนี้นี่เอง
แต่เราไม่ได้ทะเลาะไม่ได้โต้เถียงกันนะคะ แค่งอน ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจ เราก็ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร และเขาก็งอนและคิดว่าให้เราเลิกเล่นละครสักที
แต่พอรู้ว่าเราเป็นจริงๆ ป่วยจริงๆ เปลี่ยนเลย หันมาบอกว่าไอเลิฟยู ที่รู้เพราะเขาเห็นรูปที่เพื่อนถ่ายมา และเขาก็ถามว่ามันคืออะไร อันนี้คืออะไร เขาอยากรู้อยากเห็น ไม่ใช่ว่าไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับเรา
พอขอดู เราก็ให้ดู เขาก็เงียบและถามรายละเอียด แล้วนิ่งไปสักพัก ก็มาบอกว่าไอเลิฟยูนะ รักมาก นุ๊กก็งง เมื่อกี้ยังเป็นอีกแบบนึง เขาเด็กมากนะคะ อายุ 27-28 ยังเด็กมากกับการที่จะต้องเผชิญเหตุการณ์หลายๆ อย่าง
ทั้งเรื่องธุรกิจ ภาระความรับผิดชอบหลายๆ อย่าง หรือว่าภรรยาที่ป่วยเป็นมะเร็ง หลายๆ อย่างมันพัวพัน และความห่างไกลกับครอบครัว ความรู้สึกที่เขาเจอ เราก็มองว่ามันหนักมาก
ให้กำลังใจกันอย่างไร เขาก็ต้องทำงานและดูแลลูก นุ๊กก็ต้องดูแลตัวเอง?
ต่างคนต่างสู้ เราให้กำลังใจกันเอง เขาก็ปล่อยให้นุ๊กแว้ดๆ ใส่เขาเหมือนกัน ช่วงที่นุ๊กซึมเศร้า นุ๊กไม่รู้ว่าเราทำอะไรไปบ้าง ช่วงที่รักษาตัวเอง เราก็ไม่รู้ตัว จนเมื่อวานไปเจอเพื่อนที่เจอนุ๊กแว้ดใส่ เขาเล่าให้ฟัง บางเรื่องนุ๊กจำไม่ได้ เพราะกินยาแล้วเบลอๆ
ก็มานั่งคิดว่า ครอบครัวเราก็คงโดนหนักเหมือนกัน ถึงเราจะอยู่คนเดียว ขับรถไปหาหมอคนเดียว ลูกเราก็คงโดน สามีก็คงโดนหนัก เพราะทุกคนห่างเราออกไป มันต้องมีอะไร การที่เราอยู่ด้วยกันทุกวันนี้ นอกจากให้กำลังใจกัน มันก็ยังมีการให้อภัยกันด้วย อันนี้สำคัญ
การให้อภัยกันมันเป็นหัวใจหลักของการอยู่ร่วมกัน รักอาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่พอรักแล้วได้มาอยู่ด้วยกัน มันมีแต่คำว่าให้อภัย ทุกวันนี้เราอยู่ด้วยกันด้วยการให้อภัยกันมากกว่า เขาก็ให้อภัยนุ๊กในหลายๆ เรื่องที่นุ๊กอาจจะทำไม่ดี ทั้งที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ดี
ครอบครัวของฮากริมเข้าใจในเรื่องที่เขาไม่ได้กลับบ้านมั้ย?
มันไม่ใช่แค่เรื่องที่นุ๊กป่วยอย่างเดียว แต่มีเรื่องโควิด-19 และอะไรหลายๆ อย่างที่ทุกคนจะต้องยอมรับและต้องเข้าใจกับมัน เขาก็น่าจะเข้าใจ แต่นุ๊กไม่ได้คุยกับทางครอบครัวเขาด้วย ด้วยความห่างไกลทั้งเชื่อชาติ ภาษา ก็ไม่ได้คุยกัน
แต่ตัวเขาเองก็ต้องไปสื่อสารให้ดี และนุ๊กเชื่อว่าต่อให้เขาทะเลาะกับเรา เขาก็คงไม่เอาเราไปสื่อสารในทางที่ไม่ดีกับครอบครัวเขา และครอบครัวเขาเป็นครอบครัวที่น่ารักอยู่แล้วนะคะ ไม่ได้เป็นครอบครัวที่เรื่องเยอะอะไรมาก
ที่มา: www.thairath.co.th