สถาบันจอห์นฮอปสกินรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ของสหรัฐฯ สะสม 20,283 ราย
เมื่อที่ 11 เม.ย. 63 สถาบันจอห์นฮอปสกินรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ของสหรัฐฯ สะสม 20,283 ราย แซงหน้าอิตาลีที่มียอดผู้เสียชีวิต 19,468 ราย ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่โควิด-19 คร่าชีวิตพลเมืองสูงที่สุดในโลก
อย่างไรก็ดี อัตราผู้เสียชีวิตต่อหัวของสหรัฐฯยังนับว่าน้อยกว่าอิตาลีเนื่องจากจำนวนประชากรที่แตกต่างกัน หากนับแล้วจะถือว่าสหรัฐฯมีผู้เสียชีวิต 6 คนต่อประชากร 1 แสนคน ขณะที่อิตาลีมีผู้เสียชีวิต 32 คนต่อประชากรจำนวนเท่ากัน
ตัวเลขผู้เสียชีวิตของสหรัฐฯพุ่งแตะหลัก 2,000 รายใน 24 ชั่วโมง เมื่อวันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2563 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่มหานครนิวยอร์ก มีผู้เสียชีวิตในวันเดียวมากถึง 783 ราย ซึ่งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก นายแอนดรูว คูโอโม ประกาศว่าตัวเลขนี้ค่อนข้างเป็นที่คงตัวมาสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยกล่าวว่าเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงความสูญเสียอันน่าเจ็บปวด
ขณะนี้มลรัฐนิวยอร์กรัฐเดียวมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 180,000 ราย ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วทั้งอเมริกาอยู่ที่ประมาณ 520,000 ราย โดยหลายฝ่ายมองว่านี่อาจจะเป็นการประเมินอย่างต่ำด้วยซ้ำ
ดร.อันโตนิโอ โฟซี หัวหน้าหน่วยระบาดวิทยาของสหรัฐฯ กล่าวว่าหลังจากนี้ยอดผู้เสียชีวิตจะลดลงเรื่อย ๆ แต่ก็เชื่อว่าชาวอเมริกันยังคงต้องเว้นระยะทางสังคมต่ออีกสักพักเพื่อชะลอการสูญเสียเพิ่มเติมลงอีก ขณะที่ตัวเลขผู้ถูกพักงานสหรัฐฯเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นกว่า 16 ล้านคน กดดันให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พิจารณาว่าจะกลับมาเปิดให้มีการดำเนินกิจการต่าง ๆ ดังเคยหรือไม่เพื่อป้องกันการสูญเสียทางเศรษฐกิจ
ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกลางสหรัฐฯออกคำขอร้องที่ไม่มีบทลงโทษ ขอให้ประชาชนอยู่ในบ้านถึงวันที่ 30 เมษายน 2563