เสียงครวญจากหมอที่เป็นผู้มีประสบการณ์ตรง จากการเจอคนไข้ที่ปกปิดประวัติ
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม เพจเฟซบุ๊ก Drama-addict โพสต์แจ้งไปยังลูกเพจปละประชาชนทั่วไป ถึงการปฏิบัติตัวเองช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ว่า นี่คือเสียงครวญจากหมอที่เป็นผู้มีประสบการณ์ตรง จากการเจอคนไข้ที่ปกปิดประวัติครับผม
ขออนุญาตเล่าเป็นอุทาหรณ์นะครับ สำหรับเรื่องปกปิดประวัติ Covid-19 เรื่องมีอยู่ว่า เวรบ่าย (คือช่วง16.00-24.00 น.) มีคนไข้มีประวัติไข้ หอบ มาที่ รพ.โดยมีโรคประจำตัวเป็น มาที่ ER โดยเบื้องต้นพยาบาลคัดกรองหน้าห้อง ได้ซักประวัติตามแนวทางทุกอย่าง รวมถึงโควิดด้วย แต่คนไข้ให้การปฏิเสธการเดินทาง หรือสัมผัสกลุ่มเสี่ยงใดๆ
จากนั้น คนไข้ก็ได้เข้ามานอนห้องฉุกเฉิน เพื่อให้แพทย์ตรวจ และแพทย์ก็ได้ซักประวัติ ตรวจร่างกาย เพื่อให้การรักษา คนไข้ยังยืนยันปฏิเสธเกี่ยวกับภาวะเสี่ยงโควิดทุกอย่าง จากนั้นแพทย์ได้สั่งเจาะเลือดและตรวจเอ็กซเรย์ปอด (ซึ่งแน่นอน คนที่สัมผัสผู้ป่วย เพิ่มมีทั้ง พยาบาลคัดกรอง แพทย์ พยาบาลเจาะเลือด และเจ้าหน้าที่ห้องเอ็กซเรย์)
รอผลตรวจทุกอย่าง ประมาณ 2-3 ชม. ระหว่างนี้ คนไข้เดินลุกไปมาจากเตียงตลอด โชคดีที่ไม่ไอ จาม พอผลตรวจออก สรุปว่าเป็น ปอดอักเสบ แพทย์จึงสั่งการรักษาให้นอน รพ. ตามแนวทาง โดยเข้าไปที่ตึกอายุรกรรม (คนที่สัมผัสคนไข้เพิ่มคือ คนไข้ที่อยู่ใกล้ๆรอบๆเตียง เจ้าหน้าที่เวรเปล และแพทย์ พยาบาลทุกคนที่ตึกอายุรกรรม)
หลังจากนั้น ก็มีโทรศัพท์มาจากตึก อายุรกรรม โทรมาแจ้งว่า สอบถามคนไข้เเล้ว ยอมรับว่าเดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด เมื่อวันก่อน สงสัยเป็นผู้ป่วยโควิด-19 เลยจะย้ายผู้ป่วย ไปห้องความดันลบด่วนเลย คราวนี้เป็นไงครับ วงแตก ตอนนั้นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ววววว
เริ่มจาก ที่ ER ตอนนี้ทีมเวรบ่ายอาจารย์แพทย์สั่งให้
1) เคลียร์คนไข้ทุกคน กลับบ้าน คนไข้ที่เหลือเกือบทั้งหมด สมัครใจขอกลับบ้าน ทาง รพ.ขอเบอร์โทรไว้ จะแจ้งผล ส่งโทรศัพท์
2) Decontamination หรือล้างห้องER ทั้งหมด เพื่อให้เวรดึกทำงานต่อได้
3) แจ้งแพทย์ พยาบาล เวรบ่ายทุกคน ให้รอผลตรวจโควิด ซึ่งที่ รพ.ตรวจเองได้แล้ว แต่ต้องตามเจ้าหน้าที่ห้องเเล็บ มาตรวจนอกเวลาให้ ด่วนเลย ซึ่งผลประมาณ 4 ชม. ดังนั้นต้องกักตัวแพทย์ พยาบาล ที่ทำงานเวรบ่ายทั้งหมด เกือบสามสิบชีวิต รอผลตรวจก่อน ให้ลงเวรไม่ได้ จนถึงตีสาม 3.00 น.
ถ้าpositive (บวก)ให้กักตัวเอง14วัน ถ้าNegative (ลบ)ให้มาทำงานต่อตามปกติ
4)เวรดึกวันนี้ X ray เหลือ จนท.คนเดียว เพราะ จนท. สัมผัสคนไข้ ต้องลงเวรและ รอผล จนท.เหลือคนเดียวทั้ง รพ. ให้เอ็กซเรย์เฉพาะผู้ป่วยFAST Tract เร่งด่วน
ถึงตอนนี้ นึกภาพออกไม๊ครับ ว่าทุกคนต้องอยู่ยังไง เวรบ่ายก็กลับบ้านไม่ได้ เวรดึกก็เข้าทำงานไม่ได้ นี่ไม่รวมถึงแพทย์พยาบาลที่ตึกอายุรกรรมอีกไม่รู้กี่ชีวิตนะครับ
ตอนนี้เดือดร้อนไปถึง รพ.ด้วย (ขอโทษมา ณ โอกาสนี้ครับ) เนื่องจาก รพ.เรา ไม่สามารถตรวจคนไข้ได้ และถ้ามีโรงพยาบาลไหนส่งตัวมาจากต่างอำเภอ ต้องส่งเข้าที่ รพ.แทนทั้งหมด จนกว่าผลตรวจจะออก)
เป็นไงบ้างครับ เดือดร้อนกันไปหมดเลย
พอผลตรวจออก เป็นลบ ทุกคนโล่งอกมาก สามารถทำงานต่อได้ แต่ถ้าสมมติผลเลือดเป็นบวก ลองคิดดูสิครับ ว่า ถ้าต้องปิดห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน รพ.จังหวัดที่ติดอันดับมีคนไข้มากที่สุด รพ.หนึ่งในประเทศ จะเป็นยังไง
จะมีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ อีกกี่ร้อยคนที่ต้องหยุดงานเพื่อถูกกักตัว เพียงเพราะปกปิดประวัติ เพราะกลัวสังคมรังเกียจ มันไม่สนุกนะครับ
ผมเชื่อว่า ทุกโรงพยาบาลคงประสบปัญหาแบบนี้ ไม่มากก็น้อยครับ
หลังจากเหตุการณ์นี้ ทีมเราได้ประชุมด่วน และปรึกษานิติกร เห็นควรว่า เราจะติดป้ายประกาศ เกี่ยวกับ การปกปิดหรือให้ข้อมูลเท็จ ถ้ามีความเสี่ยงทำให้เจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิด-19. จะมีความผิดประมวลกฎหมายอาญา
ฐานให้ข้อมูลเท็จแก่เจ้าพนักงาน และมีความผิดพระราชบัญญัติโรคติดต่อร้ายแรง พ.ศ.2558 มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 500,000 บาท ด้วยนะครับ