จากกรณีที่เกิดเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้าง หลังปรากฏข้อความในโลกออนไลน์ว่า
วันที่ 6 ก.พ. 63 จากกรณีที่เกิดเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้าง หลังปรากฏข้อความในโลกออนไลน์ว่า เชื้อไวรัสโคโรนาที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ถูกตัดแต่งพันธุกรรมร่วมกับเชื้อ HIV เพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ ทำลายล้างชาวจีนนั้น
เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด อาจารย์ เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ไขข้อสงสัยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นผ่านเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เชื้อไวรัสโคโรนา เป็นเชื้อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ใช่อาวุธชีวภาพตามที่มีข่าวหลุดออกมาแต่อย่างใด
ส่วนที่มีการนำยาต้าน HIV มารักษานั้นเป็นเพราะ พวกมันมีกลไกการทำงานพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน ในการเข้าจู่โจมเซลล์ของผู้ป่วย นักวิจัยจึงพยายามเลือกยาที่สามารถใช้ได้ในการต้านไวรัสวงกว้างและหาได้ง่ายมาใช้ในการรักษาดังกล่าว
“ทำไมยาต้านไวรัส HIV จึงเอามาใช้รักษาเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้”
เหตุผลหนึ่งที่คนสร้างข่าวลือปลอม ๆ ว่าเชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้นเป็นอาวุธชีวภาพ ที่ตัดต่อพันธุกรรมร่วมกับเชื้อไวรัส HIV ก็คือการที่มีความพยายามจะนำเอายาต้านไวรัส HIV มาช่วยในการรักษาผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสด้วย
แต่เหตุผลจริง ๆ นั้น ไม่ใช่เพราะว่าเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นลูกผสมกับเชื้อไวรัส HIV แต่อย่างไร แต่เป็นเพราะว่าพวกมันมีกลไกการทำงานพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน ในการเข้าจู่โจมเซลล์ของผู้ป่วย
นักวิจัยจึงพยายามเลือกยาที่สามารถใช้ได้ในการต้านไวรัสแบบกว้างขวาง และสามารถจัดหาได้สะดวก มีปริมาณมากเพียงพอ อย่างเช่นยาต้านไวรัส HIV (คือ lopinavir/ritonavir) หรือแม้แต่ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ (oseltamivir) ด้วยซ้ำครับ
ต่อไป เป็นรายละเอียดของเรื่องนี้นะครับ
- จนถึงวันนี้ยังไม่มีวัคซีนหรือแม้แต่ยา anti virus จำเพาะต่อเชื้อโคโรน่าไวรัสทั้งของมนุษย์และของสัตว์ แต่อย่างไร … ดังนั้น สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก โดยเฉพาะของประเทศจีน พอจะทำได้ในขณะนี้ คือการนำเอายาต้านไวรัสแบบกว้างขวาง (broad-spectrum antiviral drugs) ที่ยังมีอยู่ มาลองใช้รักษาไปก่อน
- ตัวอย่างของยาที่กำลังทำการทดลองใช้อยู่ขณะนี้ได้แก่ ยา Lopinavir /Ritonavir, ยา Nucleoside analogues, ยา Neuraminidase inhibitors (เช่น ยาโอเซลทามิเวียร์), ยา Remdesivir, สาร peptide (EK1),
- ยา abidol, ยา RNA synthesis inhibitors , ยาลดอาการอักเสบ (เช่น ฮอร์โมนต่างๆ) รวมไปถึงสมุนไพรจีนด้วย ซึ่งประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาเหล่านี้ ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบยืนยันทางการแพทย์
- มีการทดลองเบื้องต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 แล้ว โดยนำยา lopinavir และ ritonavir ซึ่งเป็นยา anti virus สำหรับรักษาเชื้อไวรัส HIV นั้น มาใช้กับผู้ป่วยโรค SARS จำนวน 31 คน พบว่ามันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค SARS เริ่มหยุดลง การทดลองนี้จึงยกเลิกไป
- สาเหตุหนึ่งที่ยาต้านเชื้อไวรัส HIV อย่าง lopinavir และ ritonavir ถูกหยิบขึ้นมาทดสอบใช้เพื่อรักษาคาโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้น ก็เพราะว่ายาทั้ง 2 ตัวนี้ เป็นยาที่หาได้ง่ายและมักจะมีอยู่แล้วในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ (รวมถึงกรณีของยาโอเซลทามิเวียร์ที่ใช้ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ด้วย)
สำหรับยาต้านไวรัสแต่ละตัวนั้นมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- Lopinavir เป็นยาต้านไวรัสแบบยับยั้งการทำงานของเอนไซม์โปรตีเอส (protease inhibitor) นิยมเอามาใช้ร่วมกับยายับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสอีกตัวคือ ritonavir
- Ritonavir เป็นยาต้านไวรัสที่ยับยั้งเอนไซม์โปรตีเอสที่ตับ คือ cytochrome P450-3A4 มักนิยมใส่ร่วมกับยาต้านไวรัสตัวอื่น เพื่อให้การทำงานของยานั้นดีขึ้น ยาตัวนี้นอกจากจะนิยมใช้ในการรักษาเชื้อไวรัส HIV แล้ว ยังใช้กับเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
- Oseltamivir) เป็นยาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์นิวรามินิเดส (neuraminidase inhibitor) ปรดติจะใช้รักษาและป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอและบี รู้จักกันในชื่อการค้าว่า ทามิฟลู
ข้อมูลจาก
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/m/pubmed/31996494/
และ
https://www.theverge.com/…/coronavirus-treatments-universal…
และ
https://www.thelancet.com/…/PIIS0140-6736(20)30183…/fulltext