ตรตั้งด่านตรวจ คุมเข้มรถควันดำ พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถในพื้นที่จอดรถต่างๆ ด้วย และช่วงเย็นวันเดียวกัน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ประชุมคณะทำงานศึกษาและพัฒนาระบบการบริหารงานด้านจราจรในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกำชับให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยบังคับใช้กฎหมายหลัก 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.การขนส่งทางบกฯ, พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ และ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เน้นการตรวจจับควันดำรถบรรทุกอย่างเข้มข้น ช่วงเวลา 10.00 -14.00 น. พร้อมให้กองบังคับการตำรวจจราจร ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ตั้งจุดบริการตรวจควันดำให้กับประชาชน รวมทั้ง ให้ตำรวจทางหลวง และตำรวจท้องที่ ประสานกรมการขนส่งทางบก เข้าร่วมตรวจควันดำประจำจุดชั่งน้ำหนักต่างๆ
นอกจากนี้ จะรณรงค์ให้ประชาชนดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถในพื้นที่จอดรถต่างๆ ด้วย และช่วงเย็นวันเดียวกัน จะมีการเปิดศูนย์ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของตำรวจ ที่กองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อติดตามแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยตำรวจจะเพิ่มความเข้มข้นการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ได้มีการแถลงเปิดตัวระบบบริหารจัดการปัญหาฝุ่นควันและแอปพลิเคชัน (AirCMI) เพื่อมุ่งสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน และเป็นต้นแบบการใช้ระบบสารสนเทศในการบริหารจัดการฝุ่นควันอย่างมีประสิทธิภาพให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้คนที่ใช้ระบบ Andorid สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น AirCMI ได้ จากนั้นภายในเดือนก.พ.นี้ จะเปิดให้บริการสำหรับคนที่ใช้ระบบ ios เป็นลำดับต่อไป
สำหรับระบบบริหารจัดการฝุ่นควัน (AirCMI) มี 3 รูปแบบ ประกอบด้วยการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) เพื่อสนับสนุนการสั่งการตัดสินใจของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่,การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ(Mobile Application) เพื่อสร้างการรับรู้ และความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ให้ทราบแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันสุขภาพจากภาวะอากาศย่ำแย่ และตระหนักถึงปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่, คิวอาร์โค้ด (QR code) เพื่อสร้างการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดเชียงใหม่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
ขณะที่ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เวลา 07.00 น ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ตรวจวัดได้ 27-53 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐาน (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 3 พื้นที่ คือ 1.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซอยลาดพร้าว 95 มีค่าเท่ากับ 52 มคก./ลบ.ม. 2.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน มีค่าเท่ากับ 53 มคก./ลบ.ม. และ 3.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ มีค่าเท่ากับ 51 มคก./ลบ.ม.
นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัด กทม. กล่าวว่า เดิมมีสถานีตรวจวัด PM2.5 ในพื้นที่ กทม.จำนวน 37 สถานีเพื่อตรวจสอบและรายงานสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ ปัจจุบันกรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างการติดตั้งสถานีตรวจวัด PM2.5 เพิ่มเติมจำนวน 13 สถานี ประกอบด้วย 1.เขตดุสิต 2.เขตวัฒนา 3.เขตบางนา 4.เขตคันนายาว 5.เขตมีนบุรี 6.เขตหนองจอก 7.เขตประเวศ 8.เขตบางกอกใหญ่ 9.เขตตลิ่งชัน 10.เขตทวีวัฒนา 11.เขตหนองแขม 12.เขตบางบอน และ13.เขตทุ่งครุ คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หากการติดตั้งแล้วเสร็จจะส่งผลให้ กทม.มีสถานีตรวจวัด PM2.5 รวมทั้งหมด 50 สถานี